30ก.ย.

เคล็ดลับการเรียกเงินเดือนสำหรับน้องจบใหม่

การเรียกเงินเดือนสำหรับพนักงานจบใหม่

สำหรับพนักงานที่จบใหม่แล้วเพิ่งทำงานครั้งแรก จะมีแนวทางในการเรียกเงินเดือนที่แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่า เราจบอะไรมาแล้วเราไปทำสายอาชีพอะไรตรงหรือไม่ ใกล้เคียงหรือเป็นสายอาชีพที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง จะทำให้โครงสร้างเงินเดือนหรือการเรียกผลตอบแทนจากการจ้างงานในครั้งแรกที่สมัครงานนั้น อาจจะแตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ ราคาตลาดและโครงสร้างขององค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆที่จะเข้าไปสู่การจ้างงานด้วยเช่นกัน

💎กรณีที่สมัครงานตรงสาย

หากเราสมัครงานในตำแหน่งที่ตรงกับสายงานโดยตรง เช่น จบมาทางด้าน HR ก็ไปสมัครงานในตำแหน่ง HR โดยตรง ซึ่งสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาในการทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา การเรียกเงินเดือนในส่วนนี้ น่าจะมีโอกาสได้เงินเดือนได้ค่อนข้างดี เพราะเป็นการทำงานที่ตรงสายงานมาก

สิ่งที่ต้องทำ คือ

1. สำรวจเงินเดือนของตลาดแรงงาน

ต้องสำรวจก่อนว่าเงินเดือนส่วนใหญ่ เขาให้กันอยู่ที่เท่าไหร่ในตำแหน่งงานเดียวกัน สามารถสังเกตได้ โดยการเข้าไปดูการรับสมัครงานของแต่ละบริษัทว่า เขาให้เงินเดือนกันที่เท่าไหร่ และอุตสาหกรรมแต่ละอุตสาหกรรมให้เงินเดือนเท่าไหร่ หลังจากนั้น เราจึงจะเอาโครงสร้างเงินเดือนของแต่ละบริษัทมาแยกย่อยเป็นอุตสาหกรรมต่างๆในตำแหน่งงานเดียวกัน เพื่อจะได้เห็นว่าเขาจ้างงานอยู่ในช่วงที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ในอุตสาหกรรมนั้น และในอุตสาหกรรมอื่นๆ เขาจ้างกันอยู่ที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ เพราะอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นตำแหน่งงานเดียวกันก็จะมีโครงสร้างเงินเดือนที่ไม่เหมือนกัน

เมื่อเรานำข้อมูลตรงนี้มาทำเป็นตารางเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเห็นทันทีเลยว่าโครงสร้างเงินเดือนนั้น ในอุตสาหกรรมนั้น ที่เรากำลังสนใจสมัครเขาจ่ายอยู่ที่เท่าไหร่ถึงที่เท่าไหร่

2.ดูคุณสมบัติพิเศษ

ต่อไปเราก็มาดูว่า คุณสมบัติพิเศษอะไรบ้างที่เขาระบุไว้ในตำแหน่งงานนั้น นอกเหนือจากคุณสมบัติทั่วไปที่ทุกคนต้องมี เช่น อาจจะระบุว่าต้องมีความรู้ดีในเรื่องของภาษา และต้องมีผลการสอบเทียบภาษามาเป็นตัวยืนยันว่าระดับภาษาของเรานั้นดีจริง ซึ่งส่วนนี้สามารถทำให้เราได้เงินเดือนเพิ่มได้ เนื่องจากเรามีคุณสมบัติพิเศษที่ทุกคนไม่มี แต่มีเป็นบางคน และบริษัทนั้นก็ให้ความสำคัญในการใช้ความสามารถจากคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ ดังนั้น ก็จะทำให้เราสามารถขอเงินเดือนเพิ่มได้อีก

หรือเราอาจจะมีคุณสมบัติอื่นพิเศษในด้านของ Software ซึ่งทางบริษัทจะมีซอฟต์แวร์เฉพาะที่ใช้ในบริษัทนั้นเท่านั้น ไม่ใช่ซอฟต์แวร์ที่ใช้ทั่วไป หากเรามีความรู้ในเรื่อง Software ตัวนั้น ก็จะทำให้เราสามารถขอเงินเดือนเพิ่มได้อีก เพราะเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่ใช่ทุกคนจะใช้เป็นมีเฉพาะเราเท่านั้นที่ใช้เป็น ก็จะเป็นตัวช่วยในการขอเงินเดือนเพิ่มได้อีก

3.จำนวนวันทำงาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณา ก็คือ การทำงาน 5 วันกับ 6 วันก็เป็นตัวหนึ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาในการเรียกเงินเดือนเช่นกัน เพราะการทำงาน 6 วันก็ควรจะมีเงินเดือนมากกว่าการทำงาน 5 วันอย่างน้อย 20% เพราะจำนวนวันทำงานมากกว่า ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาเช่นกัน

โดยสรุป ก็คือ สำหรับพนักงานจบใหม่ ที่เรียกเงินเดือนในสายงานที่เรียนมาและตรงกับสายงานที่จะทำ จะเป็นการเรียกเงินเดือนที่ดีที่สุดในการสมัครงานของพนักงานจบใหม่ และสามารถที่จะเพิ่มได้เมื่อมีความรู้ความสามารถพิเศษด้านภาษาและซอฟต์แวร์เฉพาะ ที่ใช้ในแต่ละอุตสาหกรรม หรือบริษัทนั้นเลือกใช้ซอฟต์แวร์นั้นในการทำงาน รวมไปถึงการทำงานวันเสาร์ด้วย ที่จะต้องพิจารณาในการเรียกเงินเดือน

💎กรณีที่สมัครงานใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียนมา

หากเราสมัครงานในตำแหน่ง ที่ไม่ตรงสายงานทีเดียว แต่มีความใกล้เคียงกัน หรือใช้แทนกันได้ ก็อาจจะขอเงินเดือนได้ระดับหนึ่ง แต่จะไม่ดีเท่ากับการขอเงินเดือนจากสายงานที่ตรงกับที่เราเรียนมา เพราะเขาจะมั่นใจได้แน่นอนว่าเราสามารถจะทำงานนั้นได้เพราะเราเรียนมาโดยตรงกับงานที่จะทำ

ตัวอย่างของการสมัครงานลักษณะนี้ เช่น ไปสมัครงานในตำแหน่งจัดซื้อแต่เราจบมาทางด้านบัญชี ซึ่งสิ่งนี้ อาจจะทำให้การขอเงินเดือน อาจจะไม่ได้มากเท่าที่ควร เนื่องจากว่า บัญชีเป็นวิชาชีพถ้าเราสมัครงานในตำแหน่งบัญชีก็จะได้งานที่ได้เงินเดือนดี แต่ถ้าเรามาสมัครงานในตำแหน่งจัดซื้อ จะทำให้เป็นการข้ามสายเกินไปแม้การเรียนบัญชีจะเป็นเรื่องยาก

แต่เมื่อมาทำงานในตำแหน่งจัดซื้อ มันจะมีลักษณะของการทำงานหรือบุคลิกของคนที่จะทำงานในตำแหน่งจะซื้อที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับในตำแหน่งบัญชี ซึ่งตรงนี้ อาจจะทำให้เราเสียเปรียบคนอื่น ที่เขาเรียนมาทางด้านบริหารหรือเรียนทางด้านจัดซื้อมาโดยตรง เขาก็จะมีโอกาสได้เงินที่มากกว่าหรือเราอาจจะต้องยอมถอยเงินเดือนเราลงมา เพื่อเราให้ได้ทำงานตรงนั้นจริงๆ

นั่นหมายความว่า เรามีความสามารถที่จะทำงานได้ แต่ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า บริษัทอาจจะให้เงินเดือนที่น้อยลงมา แต่หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า เรามาทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เช่น เรามาทำการจัดซื้อเพราะเรามีเป้าหมายอนาคต เราจะออกไปเปิดบริษัทของตนเองเพื่อจะทำบริษัทขายสินค้า อันนี้ก็ถือว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีเป้าหมายที่ชัดเจน แม้จะได้เงินตอบแทนในช่วงแรกน้อย แต่ระยะยาวแผนงานที่เราคาดหวังไว้ที่จะทำธุรกิจของตัวเอง อาจจะทำให้เราได้เงินมากขึ้นจากการเปิดกิจการของตัวเอง

💎กรณีที่สมัครงานไม่ตรงสาย

หากเราสมัครงานในตำแหน่งที่ข้ามสายงานมากๆเลย ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องยาก ที่จะได้เงินเดือนได้ดี เช่น ถ้าเราจบวิศวกรมาแล้วเราไปสมัครงานเป็นพนักงานฝ่ายขาย ซึ่งมีเรื่องของคอมมิชชั่นเข้ามา ในส่วนนี้ เราต้องยอมรับเลยว่าเงินเดือน อาจจะน้อยกว่าใน 2 กลุ่มแรกด้วยซ้ำไป เพราะว่าการเป็นเซลล์แมนและเราจบมาทางด้านวิศวกรโดยตรง มันหมายถึง เราต้องยอมลงทุนลดค่าตัวเราลงมา เพื่อจะทำงานเซลล์และกับโอกาสที่จะได้คอมมิชชั่นจากการขายได้มากกว่าเงินเดือน หรือพูดง่ายๆคือ เงินเดือนน้อยรวมค่าคอมมิชชั่นแล้ว โดยรวมอาจจะมากกว่าเงินเดือนของ 2 กลุ่มแรกด้วยซ้ำไป

แต่นั่นหมายถึงเราจะต้องยอมรับสภาพตั้งแต่แรกว่า วิศวกรมาสมัครงานในตำแหน่งเซลล์แมน กับคนที่ไม่ได้จบวิศวกรมาในตำแหน่งเซลล์แมนด้วยกัน ฐานเงินเดือนอาจจะไม่ต่างกันมาก หรืออาจจะเท่ากันเลย เพราะว่าเป็นตำแหน่งเซลล์แมน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสินค้าตรงนั้นเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีความซับซ้อนที่ต้องใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรมากมาย เป็นเพียงการขายธรรมดายิ่งทำให้ไม่มีความแตกต่างของสาขาที่เรียนจบมาสำหรับการทำงานในตำแหน่งนั้น แต่จะไปวัดกันที่ค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากการขายที่ทำยอดขายได้มากขึ้น

ดังนั้น หากเราจะทำงานข้ามสายมาลักษณะนี้การเรียกเงินเดือนย่อมน้อยแน่นอนและต้องทำใจ ยกเว้นเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า วันหนึ่งเราจะออกไปเปิดบริษัทซื้อขายสินค้าของเราเอง สิ่งนั้นก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า มันจะได้น้อยในช่วงแรกแต่ระยะยาวผลรวมโดยรวมจะได้มากกว่า

💬แนวทางในการสมัครงานและรับเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่นั้น มีดังนี้

1. ตัดสินใจให้ชัดเจน

ว่าเราต้องการทำงานในสายอาชีพที่เราเรียนมาโดยตรงเท่านั้นหรือไม่ เพราะนั่นหมายถึงเรากำลังจะเริ่มต้นก้าวแรกของเราในสายอาชีพต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่การได้ทำงานในสายอาชีพโดยตรงที่เรียนมาจะเป็นประโยชน์สูงสุด เพราะว่าทำงานง่ายมีความรู้ชัดเจน และมีโอกาสจะเรียกเงินเดือนได้มากที่สุด สิ่งที่ต้องทำคือ หาข้อมูลฐานเงินเดือนที่เขาจ่ายกันในตลาด แยกตามประเภทของอุตสาหกรรมและสมัครงานไป

2. พยายามหา Soft Skill

พยายามฝึกฝนคุณสมบัติเพิ่มเติมที่เขาต้องการ เช่น ภาษาอังกฤษ หรือการใช้ Software ต่างๆที่บริษัทระบุมาว่าเขาใช้อยู่ แม้เราจะไม่มีความรู้ในวันนี้ แต่ถ้าเราคิดว่าเราจะสมัครงานในตำแหน่งนี้ เราจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมา

  • ภาษาอังกฤษของเราไม่ดี เราก็ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมหรือฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากสื่อออนไลน์ต่างๆ
  • ส่วนซอฟต์แวร์ที่บริษัทใช้นั้น เราก็ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ซอฟต์แวร์ตัวนั้น คือซอฟต์แวร์อะไร ใช้สำหรับทำอะไรได้บ้าง

อย่างน้อยเราได้พยายามหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้ เพื่อจะได้สร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์งานว่า เราพยายามศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่บริษัทต้องการสมัครงานจริง ๆ

3. เตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานให้ดี

แม้บริษัทจะมีโครงสร้างเงินเดือนที่ชัดเจน แต่หากเราสัมภาษณ์งานและสร้างความพึงพอใจให้กับบริษัทได้ มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะได้เงินเดือนเพิ่มพิเศษอีกนิดหน่อย แม้จะไม่มาก แต่ก็อาจจะเป็นผลดีกับการสมัครงานและการเริ่มต้นกับฐานเงินเดือนที่ได้เพิ่มอีกนิดหน่อยเป็นค่าขนม