งานแรกสำคัญแค่ไหน? แล้วคนส่วนใหญ่เลือกงานแรกจากอะไร?

งานแรกคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญของชีวิตการทำงาน
สำหรับ เด็กจบใหม่ หรือคนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานอย่างเต็มตัว “งานแรก” ถือเป็นประสบการณ์ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องเผชิญกับความคาดหวังจากองค์กรจริง การทำงานร่วมกับคนหลากหลายรุ่น และการพิสูจน์ตัวเองในโลกที่แข่งขันสูง
แม้ว่าหลายคนจะมองว่า งานแรกไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต และสามารถเปลี่ยนสายงานหรือองค์กรได้ภายหลัง แต่ในความเป็นจริง “งานแรก” มักส่งผลโดยตรงต่อเส้นทางในอนาคต ทั้งในแง่ของ การพัฒนาทักษะ, สร้างคอนเนกชันในการทำงาน, ไปจนถึงการมองภาพรวมของตนเองว่าเหมาะกับสายงานแบบไหน หรือวัฒนธรรมองค์กรลักษณะใด
หลายครั้งที่คนเลือกงานแรกเพราะ “มีโอกาสเข้ามาก่อน” มากกว่าจะเป็นสิ่งที่วางแผนไว้ หรือสอดคล้องกับความฝันจริง ๆ และนั่นอาจกลายเป็นประสบการณ์ที่อาจต้องใช้ทั้งเวลาและพลังใจในการผ่านมันไปให้ได้ หากพบว่างานที่เลือกไม่ตอบโจทย์ตัวเองในภายหลัง เช่น ทำแล้วไม่มีความสุข ไม่ได้ใช้ความสามารถที่มี หรือไม่มีโอกาสเติบโต
อย่างไรก็ตาม งานแรกไม่จำเป็นต้อง “สมบูรณ์แบบ” แต่อย่างน้อยควรเป็นก้าวที่ “มีเป้าหมาย” และเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะเฉพาะทาง ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือการรับมือกับความกดดันในชีวิตจริง การเลือกงานแรกจึงไม่ใช่แค่การหาเงินเดือนก้อนแรก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการ เรียนรู้การเป็นมืออาชีพในโลกความจริง
🔶ทำไมงานแรกถึงสำคัญ?
การเริ่มต้นทำงานในองค์กรหรือสายงานที่เหมาะสมกับตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถต่อยอดได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์ ทักษะ หรือแม้แต่การเจรจาต่อรองเรื่องเงินเดือนในงานถัดไป
1. งานแรกมีผลต่อเรซูเม่ในระยะยาว

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ งานแรกมีผลต่อ “ภาพลักษณ์ทางอาชีพ” ในเรซูเม่ของคุณในอนาคต เพราะบริษัทที่คุณจะสมัครในครั้งต่อไป มักใช้ประวัติการทำงานแรกเป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณา โดยจะดูว่าคุณเริ่มต้นจากสายงานไหน รับผิดชอบหน้าที่อะไร และอยู่ในตำแหน่งนั้นนานแค่ไหนการมีงานแรกที่มั่นคงและสอดคล้องกับเป้าหมายทางอาชีพ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและสะท้อนถึงความตั้งใจจริง มากกว่าการเปลี่ยนงานบ่อย หรือเลือกงานที่ไม่สอดคล้องกับเส้นทางที่คุณวางไว้
2. ช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น

แม้จะเรียนจบมาจากสายหนึ่ง แต่เมื่อเข้าสู่โลกการทำงานจริง หลายคนกลับพบว่าสิ่งที่เรียนมาอาจไม่ใช่สิ่งที่ชอบจริง ๆ หรือในบางกรณี อาจค้นพบความถนัดหรือความสนใจใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยตลอดระยะเวลาการเรียน งานแรกจึงเปรียบเสมือนเวทีเริ่มต้น ที่เปิดโอกาสให้เราได้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆได้เรียนรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร ถนัดหรือไม่ถนัดด้านไหน และที่สำคัญคือ
ได้พัฒนาทักษะต่างๆ ที่ไม่เคยได้ฝึกฝนในห้องเรียน คุณไม่จำเป็นต้อง “รู้คำตอบทุกอย่าง” ตั้งแต่งานแรก ไม่จำเป็นต้องเก่งหรือสมบูรณ์แบบทันที เพราะในช่วงเริ่มต้นของการทำงาน สิ่งที่สำคัญกว่าความชำนาญคือ “ความตั้งใจเรียนรู้” และ “ความกล้าลอง”
3. เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทักษะ

งานแรก ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อให้เรามีรายได้ หรือมีชื่อบริษัทในเรซูเม่เท่านั้น แต่ยังเป็น “สนามซ้อมจริง” ที่ทำให้เราได้พัฒนาทักษะหลากหลายที่สำคัญกับการทำงานในระยะยาว ซึ่งหลายอย่างนั้น เราไม่เคยได้เรียนในห้องเรียนมาก่อน
ในมหาวิทยาลัย เราอาจเรียนรู้ทฤษฎี ได้ลองทำโปรเจกต์ หรือทำงานกลุ่มในชั้นเรียนบ้าง แต่เมื่อเริ่มทำงานจริง เราจะเจอกับสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เช่น การต้องทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่มีนิสัยหลากหลาย วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เหมือนกับที่คาดไว้ หรือการเจอกับกำหนดเวลาที่ต้องทำงานให้เสร็จทันอย่างมีคุณภาพ
ตัวอย่างทักษะที่มักพัฒนาขึ้นจากการทำงานแรก
ทักษะการทำงานเป็นทีม
คุณจะได้เรียนรู้การประสานงานกับคนอื่น การช่วยเหลือกันในทีม รวมถึงการปรับตัวเข้ากับรูปแบบการทำงานของเพื่อนร่วมงานที่อาจไม่เหมือนกับสไตล์ของตัวเองเลย
ทักษะการสื่อสาร
ในที่ทำงาน เราต้องสื่อสารให้เข้าใจทั้งกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกค้า หรือบางครั้งกับคนที่อายุและประสบการณ์มากกว่า ทักษะการสื่อสารที่ดีไม่ได้หมายถึงพูดเก่งอย่างเดียว แต่รวมถึงการฟัง การจับประเด็น และการสื่อสารอย่างมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ
🔶แล้วคนส่วนใหญ่เลือกงานแรกจากอะไร?
การเลือกงานแรกของแต่ละคนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบตัว ความพร้อม และความคาดหวังในชีวิต แต่นี่คือปัจจัยหลักที่คนส่วนใหญ่ใช้ประกอบการตัดสินใจ: มีดังนี้
1. เงินเดือนและสวัสดิการ

ไม่ว่าจะอยากทำงานประเภทไหน “เงินเดือน” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะในยุคที่ค่าครองชีพสูง หลายคนเลือกงานแรกเพราะต้องการเริ่มสร้างฐานะตัวเอง และช่วยเหลือครอบครัว
นอกจากเงินเดือนแล้ว ยังดูเรื่อง สวัสดิการ เช่น ประกันสังคม โบนัส วันลาพักร้อน ทำงานแบบ Hybrid หรือ Remote ได้หรือไม่
2. ความมั่นคงขององค์กร

หลายคนเลือกงานแรกจาก “ชื่อเสียง” ของบริษัท เช่น อยากเริ่มต้นกับองค์กรใหญ่ หรือบริษัทข้ามชาติ เพราะเชื่อว่ามีโอกาสเติบโต และเสริมภาพลักษณ์ให้เรซูเม่ในอนาคต แต่ในขณะเดียวกัน บางคนก็เลือกองค์กรเล็กหรือ Start-up เพราะเชื่อว่าได้ลงมือทำจริง เรียนรู้เร็วกว่า และมีโอกาสรับผิดชอบงานใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้น
3. ความสนใจและความถนัดส่วนตัว

งานแรกที่ดี ไม่จำเป็นต้องได้เงินเดือนสูงสุด แต่ควรเป็นงานที่ “ตอบโจทย์ตัวเรา” มากที่สุด หลายคนเลือกจากสิ่งที่ตัวเองชอบหรือมีความถนัด เช่น รักการสื่อสาร ก็เลือกงานขาย หรือชอบวิเคราะห์ข้อมูล ก็เลือกทำ Data Analyst
4. โอกาสในการเติบโต

คนรุ่นใหม่จำนวนมากให้ความสำคัญกับ “โอกาสในการเรียนรู้และเติบโต” มากกว่าแค่ตำแหน่งหรือรายได้ พวกเขามองว่า หากองค์กรให้โอกาสพัฒนา หรือส่งเสริมการอบรม อาจช่วยให้พัฒนาได้เร็วขึ้นในอนาคต
5. ความสะดวกในการเดินทาง

แม้หลายคนอาจมองว่า “การเดินทางไปทำงาน” เป็นแค่เรื่องรอง ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกงานแรก แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ระยะทางและวิธีเดินทาง” มีผลต่อทั้ง สุขภาพกาย สุขภาพใจ และ ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
✅ ลดความเครียดในแต่ละวัน
การเดินทางที่ใช้เวลานาน เมื่อเกิดขึ้นทุกวัน ก็อาจทำให้รู้สึกเบื่อ หมดแรง และส่งผลต่อคุณภาพงานโดยไม่รู้ตัว
✅ ประหยัดทั้ง “เวลา” และ “ค่าใช้จ่าย”
- ประหยัดค่าน้ำมันหรือค่าโดยสารในแต่ละเดือน
- ใช้เวลานั้นไปทำสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น อ่านหนังสือ, พักผ่อน, หรือทำอาหารกินเอง
- ลดการเร่งรีบในชีวิตประจำวัน เช่น ไม่ต้องตื่นตี 5 เพื่อเดินทาง
งานที่ใช่ + เดินทางสะดวก = คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อย่ามองข้าม “ความสะดวกในการเดินทาง” เพราะสิ่งนี้มีผลต่อความพึงพอใจในงาน ความสุขในชีวิตประจำวัน และแม้แต่ การตัดสินใจอยู่หรือเปลี่ยนงาน ในอนาคตด้วย
🔶แล้วถ้าเลือกงานแรกผิดล่ะ?
อาจจะมีหลายคนที่ไม่ได้เลือกถูก 100% ตั้งแต่ครั้งแรก แม้คุณจะเลือกงานแรกแล้วพบว่า “ไม่ใช่” ก็ยังไม่สายที่จะเปลี่ยน ขอเพียงคุณได้เรียนรู้จากสิ่งนั้น และพัฒนาตัวเองให้พร้อมสำหรับก้าวต่อไป
ที่สำคัญคือ อย่ามองว่างานแรกเป็น “คำตัดสิน” ชีวิต แต่มองให้เป็น “จุดเริ่มต้น” ที่จะพาคุณไปค้นหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองจริง ๆ
สรุป: งานแรกคือจุดเริ่มต้นที่ไม่ควรมองข้าม
การเลือก งานแรก ไม่ใช่แค่การมองหาเงินเดือนหรือสวัสดิการที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่เป็นการ ลงทุนกับประสบการณ์ ที่จะช่วยวางรากฐานให้กับเส้นทางอาชีพในอนาคต
แม้บางครั้งอาจเลือกผิด หรือพบว่างานนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรง ตราบใดที่เราได้เรียนรู้จากมัน และยังพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกงานแรกให้เหมาะกับตัวเอง:
✅ รู้จักตัวเองให้ดี รู้ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
✅ หาข้อมูลบริษัทหรือองค์กรให้รอบด้านก่อนตัดสินใจสมัคร
✅ อย่ามองแค่เงินเดือน ให้คิดถึงโอกาสเติบโตในระยะยาว
✅ เริ่มจากที่ที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง มากกว่าที่ “ดูดี” ในสายตาคนอื่น