02มิ.ย.

วิธีรักษาความรู้สึกของเราในวันที่เราเสียใจหรืออกหัก เพื่อทำงานต่อไป

ในชีวิตของคนเรานั้นทุกๆวัน จะเจอทั้งเรื่องที่ถูกใจ พึงพอใจและเรื่องที่เสียใจและไม่พึงพอใจ มีคำกล่าวอันนึงน่าสนใจมาก คือ เวลาที่เรากำลังดีใจ อย่ารีบสัญญาอะไรทั้งนั้น และในวันที่เราเสียใจอย่าท้อแท้ และที่สำคัญก็คือ อย่าสูญเสียกำลังใจ เพราะกำลังใจ คือ สิ่งที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ในสถานการณ์ในวันถัดไป

วิธีการที่จะรักษาตัวเองในสถานการณ์ที่แย่ เพื่อให้สามารถกลับมาทำงานได้ในวันถัดไปอย่างปกติ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรือเป็นงานธุรกิจส่วนตัวในวันที่เราเจอสถานการณ์ที่แย่ ที่ทำให้เราอกหักหรือเสียใจจากเรื่องอะไรก็ตาม มีวิธีการ อะไรบ้าง

1. รักตัวเอง

สิ่งใดที่จะต้องทำคือรักตัวเอง ความจริงอย่างหนึ่งบนโลกใบนี้ ก็คือ รักแท้ไม่มีอยู่จริง นอกจากรักเดียวเท่านั้นที่มีอยู่จริงในโลกใบนี้ คือ รักตัวเอง เมื่อเราพูดถึงความรัก เราจะไม่รวมถึงความรักของพ่อแม่ ที่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เราพูดถึงความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า รักแท้ไม่มีอยู่จริง ดังนั้น การอกหัก มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนในโลกใบนี้ ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยอกหักดังนั้น เราก็เป็นแค่ คนคนหนึ่งที่ต้องเดินผ่านเหตุการณ์นี้เหมือนคนอื่นๆ

2. จงมองความรัก ให้เป็นเหมือน ป้ายรถเมล์หนึ่ง

ที่เรายืนรอช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อวันหนึ่ง หลังคาพังหรือป้ายรถเมล์พัง เราก็จะ โดนฝน โดนแดด ที่ทำให้เรา รู้สึกร้อนและหนาว หากเรายังยืนอยู่ตรงนั้น เราก็ยังจะเจอฝนและแดดต่อไป แต่หากเราขึ้นรถเมล์เพื่อไปป้ายใหม่ข้างหน้า บางทีเราอาจจะประหลาดใจว่า ป้ายใหม่ข้างหน้าหรือความรักใหม่ข้างหน้า มันดี มันสะอาด มันยิ่งใหญ่กว่า มันมีค่ามากกว่าป้ายเก่าที่ได้พังไปแล้วเสียอีก ดังนั้น อย่ายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้นนานจนเกินไป เสียใจพอเป็นพิธี แล้วรีบหาไปรถเมล์ใหม่ที่ดีกว่า เพราะ วันข้างหน้า อนาคตข้างหน้า อาจจะมีสิ่งที่ดีกว่า รอเราอยู่ แต่ถ้าเรายังมัวยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน เราก็จะไม่มีโอกาสที่จะเจอความรักใหม่ ป้ายรถเมล์ใหม่ ที่สดใสกว่า

3. ทำความเข้าใจ

นอกจากเรื่องของความรักแล้ว หากเป็นเรื่องของการทำงานในสถานที่ทำงาน ก็ให้เข้าใจถึงความจริงของชีวิตว่า คนทุกคน มีวิธีคิด วิธีใช้ชีวิตและความเชื่อที่แตกต่างกัน ดังนั้น การที่เราต้องเจอใครสักคน ที่คิดไม่เหมือนเรา หรือคิดตรงกันข้ามกับเรา ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเรายังไม่คิดเหมือนเขาเลย ทุกคนเดินตามเส้นทางของตัวเอง ด้วยเหตุปัจจัยจากประสบการณ์จากพื้นฐานที่เขามีอยู่ ทั้งปมเด่นและปมด้อย เราก็แค่ ทำความเข้าใจเขา และอยู่ร่วมกับเขาอย่างเหมาะสม หมายความว่า การคบคน มีหลายระดับ ผิวเผินทักทายกัน หรือ พูดคุยกันพอสมควร หรือสนิทระดับหนึ่งที่ปรึกษาบางอย่างได้เท่าที่จำเป็น เหมือนคำโบราณที่บอกว่า คนที่ศีลเสมอกัน จะเดินด้วยกันได้ เมื่อเราเข้าใจความจริงเหล่านี้แล้ว เราก็จะไม่รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเราต้องเจอกับใครสักคนที่อาจจะเป็นคนประหลาดสำหรับเรา ก็แค่เข้าใจเขา แล้วก็อยู่กันไปตามเหตุปัจจัยอันเหมาะสมและสมควร

4. อย่าไปยึดติดกับสิ่งต่างๆ

ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ตลอดเวลา ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา คนๆหนึ่ง เมื่อวานอารมณ์ดี ก็คุยกับเราดี วันนี้ทะเลาะกับคนในครอบครัวมา ก็อาจจะคุยกับเราไม่ดี แต่ไม่ใช่เพราะเราไม่ดี แต่เพราะเขามีปัญหาครอบครัวที่บ้าน ทำให้เขาควบคุมสติไม่ได้ เลยปล่อยพลังลบหรือความกดดันของเขาผ่านออกมาจากการพูดคุยกับเราโดยที่เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะเขาคุมสติไม่ได้ เราก็แค่เข้าใจแล้วก็ปล่อยผ่านไป

5. มุ่งไปที่เป้าหมายสิ่งสำคัญ

ก็คือ เป้าหมายของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในบริษัท หรือการค้าขายในที่ต่างๆ เป้าหมายของเรา คืออะไร นั่นคือ สิ่งที่เราจะต้องยึด เป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินชีวิตในทุกๆนาที  สิ่งรบกวนใดๆก็ตาม ที่ไม่เกี่ยวกับเป้าหมายของเรา หรือไม่ได้ทำให้เป้าหมายของเราต้องสั่นคลอน หรือเป็นอุปสรรคต่อกันเข้าไปสู่เป้าหมายของเรา เราจึงไม่ควรเสียเวลาใส่ใจเพราะมันไม่ใช่ปัจจัย ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายที่เรากำลังมุ่งไป ถ้าเรามัวแต่ไปวุ่นวายกับเรื่องพวกนั้นเราจะสูญเสียเวลา สูญเสียทรัพยากร และสูญเสียโอกาสที่จะพุ่งตรงไปหาเป้าหมายเราได้เร็วที่สุด ยึดเป้าหมายไว้ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ การมุ่งสู่เป้าหมายที่เราต้องการ

6. ” ฉันจะอยู่ได้ยังไง

เวลาเราอกหัก มักจะมีคำพูดหนึ่ง ฉันจะอยู่ได้ยังไง ถ้าวันนี้ไม่มีเขา มันเป็นคำพูดของคนที่มีความหลงอยู่ในเรื่องของความรัก แต่ไม่ใช่คนที่เข้าใจเรื่องของความรัก ความรักมัน ก็เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่เราเกิดความรู้สึกพึงพอใจในสถานการณ์ที่เกิดอยู่ในขณะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่พึงพอใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น ความรัก ก็จะเปลี่ยนไปเป็นความเกลียดชัง สำหรับคำพูดในวันที่อกหัก แล้วบอกว่า ต่อไปจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เมื่อไม่มีเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะ คุณต้องตั้งคำถามว่า แล้วที่ผ่านมา ก่อนที่คุณจะเจอเขา คุณมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ถ้าคำตอบ ก็มันรักแท้ไง ก็ต้องย้อนกลับไปในข้อ 1 ที่ว่า รักแท้ไม่มีอยู่จริงในความเป็นคู่รัก รักแท้ มีอยู่หนึ่งเดียว คือ รักตัวเอง รักบริสุทธิ์ก็มีอยู่อย่างเดียว คือรักของพ่อแม่ที่เป็นพ่อแม่ที่ดี ที่รักลูกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่เหลือเป็นเพียงแค่ ความหลงในเรื่องของความรัก

7. กำหนดและโฟกัสสิ่งที่สำคัญจะต้องทำในแต่ละวัน

หรือให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ จะทำให้เรามีชีวิตต่อไปและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บางครั้ง การอกหัก หรือการไม่มีแฟน ถือว่า เป็นโชคที่ดีของคนหลายคน เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการที่จะต้องมาดูแลเอาใจใส่แฟนหรือคู่รัก ทำให้เขามีเวลา มีโอกาสมากขึ้น ที่จะทำในสิ่งที่เขาจะต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ และทุ่มเทได้เต็มที่ สิ่งนี้ คือ วิธีการมองในเชิงบวก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมามีทั้ง ข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าเรามองข้อดี เราก็จะใช้ประโยชน์จากข้อดีนั้นได้ คนโสด โชคดี ที่ได้ใช้เวลากับตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะคล่องตัวไปหมด ไม่ต้องรอถามใคร ไม่ต้องรอใครว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ อยากไปเที่ยวไหนก็ไปอยากทำอะไรก็ทำ อยากย้ายที่อยู่ก็ย้าย อยากไปกินข้าวคนเดียวก็ไป ซึ่งคนโสด ถือว่า เป็นคนที่มีความเข้มแข็งในตัวเองสูงมาก เพราะเขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใครมาอยู่เคียงข้าง เขาเป็นคนที่มีความเข้มแข็งสูงมาก

8. ฝึกสมาธิทุกวัน

อยู่กับลมหายใจเข้าออก อดีตคือ สิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ เมื่อวานรัก วันนี้ลืม เมื่อวาน มีคนรัก วันนี้ ไม่มีคนรักเพราะอกหัก ก็อยู่กับปัจจุบัน เพราะ พรุ่งนี้อาจจะมีคนรักใหม่ หรืออาจจะไม่มีคนรักใหม่เลยเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งกำหนดไม่ได้ ส่วนคนรักเก่าที่จากไป คือ อดีตที่ผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น และคิดเสมอว่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเรา มาเพื่อจากไปวันหนึ่ง ไม่มีใครอยู่กับเราตลอดไป ดังนั้น การอยู่กับลมหายใจเข้าออกทุกวัน คือชีวิตจริง คือเรื่องจริงที่เราต้องทำ และทำได้โดยที่ไม่ต้องมีใครอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา

มันมีวิธีการอีกมากมาย ซึ่งไม่สามารถจะพูดได้หมด ที่จะรักษาใจของตนเอง รักษาโอกาสของตนเอง รักษาความสุขของตนเอง แต่ถ้าจะพูดให้รวบยอดสั้นๆ ก็คือ เข้าใจธรรมชาติ รักตัวเอง ไม่ยึดติด และทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะธรรมะ คือ หน้าที่ เมื่อมีธรรมะ ชีวิตก็มีความสงบ