5 เครื่องมือ AI ที่จะช่วยเพิ่มความ Productive ในตัวคุณ
น้องๆ ที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้มีใครยังไม่เคยใช้เครื่องมือ AI กันบ้างมั้ย?
การทำงานในยุคนี้ต้องบอกว่า ใครที่สามารถนำ AI มาใช้ประโยชน์ได้ถือว่าได้เปรียบกว่าคนอื่นแน่นอน ทั้งในเรื่องการสมัครงานก็ดี หรือช่วยให้การทำงานของเรา Productive มากขึ้นก็ดี เพราะ AI มากมายได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ Support คนทำงานยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การเขียนอีเมล การจดบันทึกการประชุม การเขียน การค้นหาข้อมูล การทำ Data รวมถึงการเขียนโค้ดเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น
ทีนี้ออร์คิดจ๊อบอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า จริงๆ แล้วคำว่า Productive มันมาจากอะไร
หัวใจของ Productive คือการจัดสรรเวลา ถ้าเราอยากทำงานให้เกิดประสิทธิผลที่ดี หรือมีความ Productive เราจะต้องจัดลำดับกิจกรรมในชีวิตของเราให้ได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน สุขภาพ งาน ครอบครัว เพราะหากทุกเรื่องมันมาพัวพันยุ่งเหยิงในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อการทำงานของเราในเชิงลบ ถึงแม้ว่าเราจะมีเครื่องมือ AI ที่ดีที่สุดเข้ามาช่วย Support แต่ถ้าเราไม่มีเวลาคุณภาพในการจัดการงานของตัวเองให้ดี ความ Productive มันก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น เราต้องจัดการเวลาของตัวเองให้ดี เลือกใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง รู้ข้อจำกัดของตัวเองว่าอันไหนทำได้ อันไหนทำไม่ได้ แล้วให้โฟกัสสิ่งที่ตัวเองทำได้เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
วันนี้ออร์คิดจ๊อบยกตัวอย่าง 5 เครื่องมือ AI ที่จะช่วยให้การทำงานของเรา Productive มากขึ้น และเป็นเครื่องมือ Ai ที่หลายคนน่าจะได้ใช้งานกันบ่อยๆ ช่วยจัดการงานต่างๆ ให้รวดเร็ว ง่ายดาย มากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆ คือ มีแล้วชีวิตง่ายขึ้นนั่นเอง
1. ไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับ Chat GPT
Chat GPT เป็นเครื่องมือ AI ที่ถูกพูดถึงมาซักระยะนึงแล้ว รวมถึงเปลี่ยนผ่านมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว ใครที่ยังไม่เคยใช้ บอกเลยว่าคุณกำลังตามคนอื่นอยู่เป็น 10 ก้าว เลยนะ
Chat GPT สามารถทำได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล ช่วยเขียน E-mail ช่วยเขียนบทความ เขียนสคริปต์วิดีโอ เขียนโค้ดสำหรับเว็บไซต์ แม้กระทั่งช่วยเขียน Resume ก็สามารถทำได้ และทำได้ในเวลาไม่กี่นาทีด้วย เรียกว่าอัจฉริยะมากๆ ยิ่งถ้าเราใช้คำสั่งภาษาอังกฤษจะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำมาก แต่ถ้าใครไม่ถนัดภาษาอังกฤษก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถใช้ภาษาไทยได้เหมือนกัน แต่เราจะต้องเรียนรู้การเขียนคำสั่งให้ละเอียด และครอบคลุมผลลัพธ์ที่เราอยากได้ จริงๆ การเขียนคำสั่งมันมีดีเทลที่ลึกมากๆ นะคะ จนปัจจุบันเรามีตำแหน่งงานใหม่เกิดขึ้นอย่าง Prompt Engineer ก็คือการออกแบบคำสั่งเพื่อที่จะคุยกับ AI หรือมาช่วย Support การสั่งงาน AI อีกทีนั่นเอง
2. Otter.ai ผู้ช่วยในการบันทึกการประชุมแบบส่วนตัว
บอกเลยว่าสายเลขา สายประชุมวันละ 3-4 Meeting ต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะ Otter.ai เป็นตัวช่วยถอดเสียงการประชุม การบรรยาย หรือบทสัมภาษณ์ได้แบบเรียลไทม์ หรือจะนำเข้าไฟล์เสียง ไฟล์วิดีโอ แล้วให้โปรแกรมช่วยถอดออกมาเป็นสคริปต์ก็ยังได้ รวมถึงยังสรุปประเด็นหัวข้อสำคัญๆ ให้เราได้ด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือเราไม่ต้องมานั่งฟังจับใจความแล้วพิมพ์ลงเอกสารใหม่ เพราะแค่งานนี้งานเดียวก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงแล้วจริงมั้ย นอกจากนี้ เขายังมีฟีเจอร์ Custom Vocabulary หรือการตั้งค่าภาษาหรือคำศัพท์เฉพาะที่ใช้กันในภาคอุตสาหกรรมได้ เพื่อป้องกันการถอดเสียงผิดพลาด ซึ่งเป็น Tools ที่เขาคิดมาอย่างดีมากนะ ตัวนี้สามารถติดตั้งใช้งานได้ง่าย ใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันการประชุมออนไลน์ยอดนิยม อย่าง Zoom, Microsoft Teams หรือว่า Google Meet ได้เลย
3. ตัวช่วยสร้างวิดีโอพรีเซนต์ ขอแนะนำตัวนี้เลย Synthesia.io (ซินเทเซีย)
โดยตัวนี้จะเป็น AI ที่ล้ำขึ้นมาอีก Step หนึ่ง เขาจะช่วยสร้างวิดีโอพรีเซนต์ที่เปลี่ยนจาก Text เป็นคำพูด โดย Generate ออกมาในรูปแบบวิดีโอพร้อมมี AI Avatars ร่าง 2 ของเรา ใส่อยู่ในพรีเซนต์ด้วย ก็จะเป็นวิดีโอพรีเซนต์อีกรูปแบบหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความว้าว ความน่าสนใจ และสร้างประสบการณ์ร่วมให้กับคนที่เรากำลังสื่อสารด้วย ซึ่งอาจจะเป็นลูกค้า หัวหน้า หรือผู้บริหารก็ได้
โดย ai ตัวนี้ เขาจะมี Template สำเร็จให้เราได้เลือกใช้ จะเป็นแบบทางการ มีลูกเล่น สีสันสดใส เราสามารถเลือกได้เลย เสร็จแล้วก็ให้เราไปเลือก Avatar ร่าง 2 ของเรา อยากได้สวยหล่อสีผิว หน้า ผม แบบไหน ก็เลือกตามความชอบได้เลยค่ะ และยังสามารถเลือกภาษาได้ด้วยนะ เผื่อใครต้อง Co กับบริษัทต่างประเทศ หรือลูกค้าต่างชาติ เขาก็มีภาษาให้เลือกมากถึง 120 ภาษาเลย รวมถึงรองรับภาษาไทยด้วย สำหรับ AI ตัวนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการทำวิดีโอพรีเซนต์ การทำคลิปต่างๆ หรือช่วยลดเวลา ลดทรัพยากร ในด้าน Production ได้ดีมากๆ หรือถ้าน้องๆ คนไหนอยากทำ Resume ในรูปแบบวิดีโอ พูดแนะนำตัวแบบเก๋ๆ ก็ลองไปเล่นไปศึกษากันดูได้
4. Grammarly ผู้ช่วยในการเขียนภาษาอังกฤษ
Ai ตัวนี้ คือลูกรักของคนที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันที่แท้ทรูเลย หลายคนทำงานอยู่ในบริษัทต่างชาติ ก็จะต้องมีการพูดคุย การโต้ตอบอีเมล รวมถึงการร่างเอกสาร หรือการเขียนบทความต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ หรือน้องๆ ที่ต้องยื่น Resume เป็นภาษาอังกฤษ ก็สามารถให้ Ai ตัวนี้ช่วยได้เหมือนกัน เพราะโจทย์ที่ยากที่สุดในการเขียนภาษาอังกฤษก็คือ การใช้แกรมม่า จริงมั้ย ai ตัวนี้เขาจะช่วยเราในการแก้ไขแกรมม่าให้ถูกต้อง ตรวจคำศัพท์ที่สะกดผิดต่างๆ รวมถึง Rewrite งานเขียนของเราให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นด้วย
5. Tinywow
เป็นเครื่องมือ ai ที่ช่วยจัดการสารพัดสิ่งแบบง่ายๆ เลย ทั้งไฟล์ PDF รูปภาพ วิดีโอ และใช้เขียนบทความได้อีกด้วย ออร์คิดจ๊อบจะยกตัวอย่างให้ดูสำหรับการจัดการไฟล์ภาพนะ พอเราเข้าไปที่เว็บไซต์ tinywow.com แล้วกดเลือกไปที่ Image เขาจะมีเครื่องมือให้เราเลือกใช้เยอะมาก เช่นการ Remove Background, Resize ภาพ, แปลงภาพจาก PDF เป็น Jpeg, Remove Watermark เราสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เราต้องการได้เลย โดยที่เราไม่ต้องเข้าโปรแกรม AI หรือ Photoshop ให้ยุ่งยาก หรือถ้าเราอยากจัดการไฟล์ PDF ก็เข้าไปเลือกดูเครื่องมือต่างๆ ซึ่งเยอะมากเหมือนกัน เช่น การแก้ไขใส่ text ในไฟล์ PDF, เปลี่ยน Background หรือ เปลี่ยนจากไฟล์ PDF เป็นไฟล์ Word
นี่ก็เป็นเครื่องมือ AI อีกหนึ่งตัวที่ออร์คิดจ๊อบแนะนำนะ ลองเข้าไปเล่นกันดูได้ เครื่องมือเยอะแล้วก็ใช้งานไม่ยุ่งยากเลย ช่วยเซฟเวลาการทำงานของเราไปได้เยอะมากๆ เลย
เป็นยังไงกันบ้างกับเครื่องมือ AI ที่ออร์คิดจ๊อบนำมาฝากกันในวันนี้ ลองเข้าไปเลือกเล่น เลือกใช้กันดูได้นะ ออร์คิดจ๊อบรับรองว่าจะต้องมี Tools ซักตัวที่เราได้ใช้กันบ่อยๆ แน่นอน