fbpx
06มี.ค.

Toolset ยกระดับ HR 2024 ผลักดันองค์กรสู่ Positive Change

ถ้าพูดถึง HR Trends ในปี 2024 มีหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบกับโลก HR ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ Talent War ที่สร้างความท้าทายในการดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาทำงานในองค์กร หรือว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี AI Tools ต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อให้เราคัดเลือกคนได้ตรงกับงาน

ในปี 2024 นี้ มาดูกันว่า ชาว HR ยุคดิจิทัล มีอะไรที่ควรปรับเปลี่ยน หรือมีอะไรที่ควร Take Action เพื่อผลักดันองค์กรสู่ Positive Change กันบ้าง  

1. การทำ Recruitment จาก Degree เราจะเน้นไปที่ Skill

ในยุคที่ผ่านมา อาจจะเน้นการคัดเลือกบุคคลากรจากใบปริญญา หรือใบประกาศนียบัตรต่างๆ แต่ในยุคนี้ดิจิทัลนี้ เริ่มจะมองหาคนที่ Skill-Based มากกว่าเรื่องของ Degree

Skill-Based Hiring คือ การคัดเลือกคนโดยให้น้ำหนักเรื่องทักษะที่จำเป็นในงานนั้นๆ มากกว่าเรื่องข้อกำหนดด้านการศึกษา ซึ่งจะทำให้เราได้พนักงานที่พร้อมทำงานจริง มีทักษะที่ตรงกับเนื้องานจริงๆ เพราะมีหลายครั้งที่เราหา Candidate จากระดับการศึกษา หรือเกรดเฉลี่ย แต่พอมาเข้ามาทำงานจริงแล้ว กลับทำงานไม่ได้ อันนี้ก็มีเยอะมาก เพราะฉะนั้นในยุคนี้ คนทำงานเองก็ต้อง Upskill พัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงาน  

ยกตัวอย่างหนึ่งตำแหน่งงาน เช่น ตำแหน่งงานด้าน Data Analyst

จากเมื่อก่อน จะเน้นการเฟ้นหาผู้สมัครที่มีวุฒิการศึกษาด้าน Data Science และมีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Data โดยเฉพาะ

แต่ปัจจุบัน จะต้องประเมินจากความสามารถของผู้สมัคร หรือทักษะที่เขามี เช่น ต้องมี Hard Skill เรื่อง SQL, Python, Spread Sheet, Data Management หรือ Data Visualization ขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งงานนั้นๆ ต้องการทักษะอะไร หรือต้องรับผิดชอบงานส่วนไหนบ้าง นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่อง Soft Skill ด้วย เช่น การมีทักษะ Critical Thinking, Communication, Problem-Solving สิ่งเหล่านี้จะถูกใส่อยู่ในการพิจารณาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับความเหมาสมของตำแหน่งนั้นๆ เพราะฉะนั้นการสัมภาษณ์ก็จะต้องมีเครื่องมือเข้ามาช่วย เพื่อเข้าถึงทักษะต่างๆ ของผู้สมัคร ซึ่งในปัจจุบันก็มี Assessment มากมายในตลาด ที่จะสามารถช่วยเหลือHRในการคัดคนเข้าองค์กรได้

2. ต้องให้ความสำคัญกับ Employee Value Proposition หรือสิ่งที่องค์กรส่งมอบให้พนักงาน

สังเกตหรือไม่ หลายๆ องค์กร พยายามชูเรื่องการมอบประสบการณ์ที่ดีในที่ทำงานให้กับพนักงานหรือคนที่กำลังมองหางาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความยืดหยุ่นในการทำงาน เรื่อง Wellness, Work-Life Balance ต่างๆ แต่สิ่งที่ต้องกลับมาคิดคือ ถ้าทุกองค์กรให้สิ่งเหล่านี้เหมือนๆ กันหมด เราอาจจะเป็นตัวเลือกลำดับที่ 5 6 7 ของเขาก็ได้

ประเด็นก็คือ แล้วเราจะสร้างความแตกต่างได้ยังไง?

ข้อนี้แหละที่ทำให้องค์กรจำเป็นต้องถอยกลับมาดูเรื่อง Employee Value Proposition หรือ คุณค่าที่องค์กรจะมอบให้กับพนักงาน เพื่อนำไปสู่การดึงดูดให้คนอยากเข้ามาทำงานกับเรา และรักษาคนไว้กับองค์กรได้นานๆ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ เรามีคุณค่าอะไร ทำไมเขาต้องเลือกมาทำงานที่นี่?

ขอยกตัวอย่างบริษัท Canva

Canva เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับเครื่องมือการออกแบบกราฟิกแบบง่ายๆ ที่คนไทยใช้เยอะมาก สวัสดิการที่เขาให้ก็ถือว่าจัดเต็มแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเช้าฟรี-อาหารกลางวันฟรี ฟิตเนสฟรี มี Budget สนับสนุนในการย้ายที่อยู่ด้วย สิ่งเหล่านี้ที่เราคิดว่าดีมากๆ แล้วนะ แต่ยังไม่ใช่คุณค่าทั้งหมดที่ Canva จะมอบให้กับพนักงาน สิ่งที่เขาให้ความสำคัญและบอกกับพนักงานเสมอๆ ก็คือ ในแต่ละเดือนมีคนเข้ามาออกแบบบนเว็บไซต์ของเขามากกว่า 34 ล้านครั้ง นั่นหมายถึงว่า พนักงานทุกคนจะมีโอกาสได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ได้ทำงานที่มีเอกลักษณ์และน่าตื่นเต้นทุกวัน Canva กำลังจะทำให้การออกแบบเป็นเรื่องง่ายและน่าทึ่งสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้นพนักงานคือส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ทุกคนบนโลกสามารถออกแบบงานกราฟิกได้ และสร้างผลงานอย่างไร้ขีดจำกัด นี่คือการสร้างความรู้สึกพิเศษให้กับพนักงาน Canva

3. การทำเรื่องของ Data-Driven HR หรือ People Analytics

หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับเรื่อง Data-Driven ในสายงานต่างๆ เช่น งานด้านการตลาด ที่นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และนำไปสร้างสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น แต่ในปี 2024 นี้ เราจะต้องนำเรื่อง People Analytics มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ HR กันบ้างแล้ว ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลจะทำให้คุณเป็น HR ที่เฉียบมากขึ้นในโลกยุคดิจิทัลแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น การนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาปรับปรุงวิธีการเทรนงานและสร้างโปรแกรมพัฒนาวิชาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนนโยบายและกลยุทธ์ด้าน Learning & Development ข้อนี้ก็จะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และเติบโตของคนในองค์กร หรือการนำข้อมูลมาปรับปรุงพัฒนาระบบ Recruitment ซึ่งก็จะช่วยให้ HR ตั้งเป้าหมาย  Recruitment, ระบุ Skills Gaps, ลดระยะเวลา ลดรายจ่าย รวมถึงประเมินงบประมาณในการจ้างพนักงานที่ต้องการได้ ซึ่งเครื่องมือในการวิเคราะห์ People Analytics HR ก็จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม เลือก Tools ให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ effective มากที่สุดด้วย

 4.  AI และ Technology จะมีบทบาทมากขึ้น

ยุคนี้ใครที่ยังเพิกเฉย หรือนิ่งนอนใจกับเรื่องของ AI หรือเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ วันนี้ต้องเปลี่ยนแล้วนะ เพราะนี่คือเครื่องมือเพิ่มศักยภาพของ HR แบบ 1000% ไม่ว่าจะเป็น การสรรหาบุคลากร การคาดการณ์การลาออกของพนักงาน การแนะนำโปรแกรมการพัฒนาตนเองของพนักงานแต่ละคน เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ HR สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ทำให้ HR ทำงานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กรได้ วันนี้เราจะขอยกตัวอย่างเครื่องมือของ HR ที่น่าสนใจมาให้ 3 ข้อ

1. ระบบ Online Pre-screening Assessments:  HR อาจใช้วิธีให้ผู้สมัครเข้าไปทำข้อสอบต่างๆ ตาม link ที่ส่งให้ เพื่อเป็นการคัดกรองเบื้องต้น ซึ่งจะทำให้ลดเวลาการ screen ใบสมัครได้มาก

2. ระบบ ATS ช่วยคัดกรองผู้สมัครตาม criteria ที่ HR กำหนด วิเคราะห์ resume จับคู่กับ JD, จัดอันดับผู้สมัครตามคุณสมบัติและความเหมาะสม

3. Feedback system ตัวนี้จะช่วยให้ HR บริหารประสิทธิภาพของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น เช่น 360-degree system สามารถช่วยให้องค์กรเห็นภาพการทำงานของพนักงานได้รอบด้านยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วย HR ด้านการพัฒนาองค์กร (OD) และพัฒนาพนักงานรายบุคคลได้ด้วย

สำหรับบทความนี้ หวังว่าหลายๆ ท่านน่าจะเห็นภาพรวมการทำงานของ HR และ Toolset ที่จำเป็นในยุคดิจิทัลมากขึ้น และสามารถหยิบจับไปปรับใช้ในการพัฒนาองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ HR ให้ดียิ่งขึ้น บอกเลยว่าในปี 2024 นี้ HR จะต้องทำตัวเป็น Strategic Executor คือเป็นผู้นำที่เป็นทั้งนักคิดและนักปฏิบัติ สรรหาและพัฒนาองค์กรไปพร้อมๆ กัน บอกเลยว่าไม่ง่ายแต่ทำได้แน่นอน