คู่มือเขียน CV สำหรับผู้บริหาร เขียนอย่างไรให้น่าสนใจและสร้างความเชื่อมั่นต่อองค์กร
CV สำหรับผู้บริหาร การเขียน Curriculum Vitae จะแตกต่างจากการเขียน Resume เนื่องจากจะมีรายละเอียดมากกว่าเพียงแค่การแนะนำตัว และบอกว่ามีหน้าที่ในการทำงานในส่วนต่างๆมาอย่างไรในอดีต สำหรับผู้บริหารแล้วการเขียน CV เป็นการอธิบายถึงตัวตน ความสามารถ แนวทางความคิดเห็น ปรัชญา และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ที่มีอยู่ตลอดไปจนถึงความสำเร็จในอดีต จึงทำให้การเขียน CV จะไม่ได้เน้นไปถึงการอธิบายถึงรายละเอียดของงานต่างๆ ที่เคยทำ

เพื่อให้ CV ของผู้บริหารโดดเด่นและสร้างความประทับใจ ควรมีองค์ประกอบหลักดังนี้
📄1. Specification – ข้อมูลส่วนตัวและการศึกษา
เป็นการอธิบายถึงคุณสมบัติส่วนตัวของผู้สมัครว่า เรียนจบการศึกษาจากที่ไหนมาบ้าง ตั้งแต่ประถมจนถึงการศึกษาขั้นสูงสุด สิ่งนี้จะเป็นการบ่งบอกถึง โรงเรียนต่างๆ ที่เคยผ่านมาว่า เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพตั้งอยู่ส่วนใดของจังหวัดและส่วนใดของประเทศ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ตรงที่ หากชื่อเสียงของโรงเรียนที่เคยผ่านมานั้น เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงดี จะสร้างเครดิต หรือความน่าเชื่อถือในเรื่องเส้นทางการศึกษาได้มากกว่าทั่วไป ซึ่งถือว่าจะเป็นแต้มต่อส่วนหนึ่งในการพิจารณา ต้องยอมรับว่า ในความเป็นจริงสถาบันการศึกษายังมีผลต่อการตัดสินใจคัดเลือกบุคลากรขององค์กรต่างๆ
📄2. Certificate – วุฒิบัตรและการอบรม
คุณวุฒิต่างๆ ที่ได้รับการฝึกฝน อบรม มาเป็นพิเศษนอกเหนือจากการศึกษาในระบบปกติ ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่จะสามารถบ่งบอกถึงความสามารถพิเศษเพิ่มเติม นอกเหนือจากสายการศึกษาที่ได้เรียนมาโดยตรงว่ามีความรู้มีทักษะพิเศษอะไรเพิ่มเติม ซึ่งสิ่งนี้ ทางบริษัทจะได้พิจารณาประกอบว่า วุฒิต่างๆ ที่ได้มาสามารถจะใช้ประโยชน์โดยตรงในหน้าที่การงาน ที่จะทำในอนาคต หรือสามารถใช้ประกอบเป็นส่วนสนับสนุนให้ช่วยทำงานในหน้าที่ต่างๆที่จะได้รับในอนาคตได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากคุณวุฒิต่างๆ นั้นไม่ได้มีส่วนสนับสนุน หรือไม่ได้ส่งเสริมให้การทำงานในอนาคตดีขึ้นได้ด้วยองค์ความรู้ที่มีอยู่ ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ในการช่วยโน้มน้าวให้บริษัทพิจารณาเป็นพิเศษ

📄3. Experience – ประสบการณ์ทำงาน
ประสบการณ์ในการทำงาน เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกได้ชัดเจนได้ว่า เคยผ่านการทำงานในส่วนใดมา เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ความสามารถจะมีเพียงพอที่จะทำงานต่อไปที่จะได้รับมอบหมายในอนาคต ซึ่งส่วนนี้ จะมีทั้งประสบการณ์ทางตรง เช่น ในตำแหน่งงานที่ตรงกับตำแหน่งงานที่สมัครเลย ส่วนนี้จะเป็นประโยชน์สูงมากในการพิจารณาเนื่องจาก ในระดับผู้บริหารนั้น ประสบการณ์งานโดยตรง ก็ถือว่า เป็นส่วนสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า จะต้องมีชัดเจน เพราะ ตำแหน่งที่เข้ามาทำงานนั้น ต้องสามารถทำงานได้ทันที และเข้าใจเนื้องานได้ทันที ซึ่งสิ่งนี้จะสะท้อนออกมาจากประสบการณ์ทำงานโดยตรงในหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
แต่ประสบการณ์ทำงานส่วนอื่น ที่ไม่ได้เป็นประสบการณ์โดยตรงในหน้าที่การงานนั้น ก็ถือว่าเป็นประโยชน์เช่นกัน เช่น คนที่เคยทำงานด้านการขายมา แต่สามารถวิเคราะห์ด้านการเงิน สามารถเข้าใจกระบวนการผลิตได้ ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ทางอ้อม ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการโดยตรง แต่จะถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์และเหมาะสมที่จะใช้ในการทำงานในแต่แหน่งผู้บริหารต่อไปได้ในอนาคต เนื่องจาก มีความเข้าใจหลากหลายในหลายส่วนงานทำให้สามารถมีมุมมองที่แตกต่างไปได้

📄4. Success Story – เรื่องราวความสำเร็จ
สิ่งนี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสมัครงานในตำแหน่งผู้บริหาร เนื่องจากผู้บริหาร คือ ผู้ที่จะต้องนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น เรื่องราวความสำเร็จในอดีต ที่เป็นชิ้นเป็นอัน ที่เป็นรูปธรรม จึงเป็นเสมือนกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่อย่างแท้จริง ภายใต้คำอธิบาย ในช่วง 3 ส่วนแรกข้างบน ตัวอย่างเช่น ถ้าเคยบริหารบริษัทจะขาดทุน ให้มาเป็นกำไรได้ นั่นหมายความว่า การทำงานในหน้าที่หลัก สะท้อนถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปประธรรม และมั่นใจได้ว่า มีความสามารถที่แท้จริงที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ จากทักษะความรู้ความสามารถที่มีอยู่ เพราะความสำเร็จในอดีต คือ สิ่งที่วัดผลการทำงานอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุด แต่เรื่องราวความสำเร็จในอดีตนั้น มีหลายเรื่อง ยิ่งคนที่ทำงานมาหลายๆ ปี จะมีเรื่องราวในอดีตมากมาย จึงต้องคัดเลือกเรื่องที่สำคัญจริงๆ 3 เรื่องแรก ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหน้าที่การงานใหม่ที่จะได้รับมอบหมาย หรือกำลังสมัครงานอยู่ เพื่อให้เห็นชัดเจนว่า เมื่อเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แล้ว จะสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เนื่องจากเคยทำความสำเร็จมาแล้ว ตามเรื่องราวความสำเร็จในอดีต 3 เรื่องที่ได้นำมาเสนอ
📄5. Philosophy – ปรัชญาการทำงาน
ปรัชญาในการดำเนินชีวิต สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทจะพิจารณาถึงคุณสมบัติของผู้บริหาร เพราะ ปรัชญาในการดำเนินชีวิต คือ วิถีทางที่เขาจะบริษัทต่อไปในอนาคตเช่นกัน และจะเป็นการบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงและแนวคิดในการใช้ชีวิต หรือแนวคิดในการทำงานของผู้สมัครนั้นได้อย่างชัดเจนจากปรัชญาชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้บริหารผู้นั้นมี ปรัชญาในการดำเนินชีวิตว่า จะบริหารบริษัทด้วย ความซื่อสัตย์และมีเป้าหมายชัดเจนในการจัดสมดุลระหว่าง 3 ส่วน คือ พนักงาน การเติบโตของบริษัท และความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้น ให้มีความสมดุล ทั้ง 3 ส่วนและเติบโตไปพร้อมกันได้ทั้ง 3 ส่วน สิ่งนี้จะสะท้อนให้บริษัทได้รับรู้ว่า ผู้บริหารคนนี้ เป็นคนที่ให้ความสำคัญของพนักงาน ให้ความสำคัญของการเติบโตของบริษัท และให้ความสำคัญต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น เป็นคนที่มีความยุติธรรม เป็นคนที่มีความสมดุลยืดหยุ่น และสามารถทำให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กันได้ โดยไม่เน้นการเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหลัก

📄6. Management Idea – แนวคิดการบริหาร
เป็นสิ่งที่ต้องนำเสนอให้เจ้าของบริษัทเกิดความมั่นใจว่า เราจะดำเนินการบริหารบริษัทได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น หากนำเสนอแนวทางการบริหารในแผนกการขาย ถ้านำเสนอว่า จะบริหารให้บริษัทเติบโตอย่าง และรักษาผลประโยชน์ของบริษัทรวมถึงรักษาทีมงานเซลล์ให้อยู่กับบริษัทได้นานที่สุด ด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เหมาะสมให้กับเซลล์ แม้บริษัทอาจจะกำไรน้อยลง แต่ทำให้พนักงานขายอยู่กับบริษัทไปอีกนาน และสร้างผลงานได้มากขึ้นเรื่อยๆ และการเติบโตของบริษัท จะคำนวณมาจากแนวคิด Sustainable Growth ที่จะกำหนดว่าการเติบโตในปีถัดไปนั้น กี่เปอร์เซ็นต์รองรับด้วยกำไรสะสมภายในและ กี่เปอร์เซ็นต์จะมาจากการกู้เงินภายนอก เพื่อการเติบโตให้อยู่ในสภาวะการเติบโตที่มีความเสี่ยงน้อย แต่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูงสุดภายใต้เงื่อนไขที่เป็นจริง ไม่ใช่เงื่อนไขที่เพ้อฝัน หรือ แนวทางในการบริหารงบประมาณด้านการจัดสรรเครื่องเครื่องจักรต่างๆ ที่จะต้องใช้ในการผลิตสินค้าให้กับบริษัทรวมไปถึงแนวทางในการบริหารเรื่องของการซ่อมบำรุง เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องจักรผ่านค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่มีงบประมาณที่กำหนดไว้ แต่คุ้มค่ากับการลดความเสี่ยงที่ เครื่องเก่าจะเสียหาย และทำให้สูญเสียโอกาสในการผลิต ซึ่งในภาพรวมแล้ว จะเสียหายมากกว่าการจัดงบประมาณค่าซ่อมบำรุงหลายปีล่วงหน้า เพื่อให้การทำงานดำเนินการ มีความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก จากเครื่องจักรที่เสียหาย หรือหยุดทำงานโดยกระทันหัน ลักษณะแนวทางการบริหารแบบนี้ จึงเป็นลักษณะแนวทางที่จะต้องนำเสนอให้บริษัทเห็นชัดเจนถึง วิธีการทำงานจะได้เห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ว่า ภายใต้การบริหารของเรานั้น บริษัทจะไปในทิศทางใด และสิ่งใดจะเกิดขึ้นภายใต้ภาพที่สามารถคาดการณ์ได้
📄7. Ownership – ความรู้สึกเป็นเจ้าของ
ผู้สมัครจะต้องแสดงให้เจ้าของบริษัทมองเห็นความรู้สึกในการเป็นผู้บริหาร ที่มองตัวเองเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของบริษัท เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและทุ่มเท ที่จะรักษาผลประโยชน์ของบริษัทภายใต้การบริหารของตนเอง เสมือนหนึ่ง ผู้สมัครเป็นเจ้าของบริษัทเอง เพราะจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้บริษัทเจริญก้าวหน้าด้วยความซื่อสัตย์ และทุ่มเทการทำงานในทุกรายละเอียด เพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น
ซึ่งหาก เป็นผู้บริหารที่เป็นเพียงลักษณะผู้บริหารรับจ้าง ก็จะทำงานตามเงินเดือนที่ได้รับ แต่จะขาดความเป็นเจ้าของ ทำให้ผลการบริหารบริษัท อาจจะทำอะไรที่เสี่ยง หรืออาจจะทำอะไรที่ใช้ความคิดตัวเองเป็นหลักเพื่อประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่เน้นถึงภาพรวมของบริษัทว่า จะเสียหายอย่างไร แต่หากมีความเป็นเจ้าของบริษัทก็จะระมัดระวังทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะคิดเสมอว่า บริษัทเปรียบเสมือนบริษัทของตนเองจึงต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
CV ผู้บริหารที่ดีควร เล่าเรื่องราวแบบมีโครงสร้าง ชัดเจน และจับต้องได้ ไม่ใช่เพียงแค่บอกว่าคุณทำอะไร แต่ต้องสะท้อนว่า คุณคือใคร บริหารอย่างไร และเคยสร้างความสำเร็จอะไรมาแล้ว เพื่อให้บริษัทมั่นใจว่า เมื่อคุณเข้ามาร่วมงาน องค์กรจะเติบโตและเดินหน้าได้อย่างมั่นคง

