24ก.ค.

สมัครงานไม่ตรงสาย ทำยังไงให้ได้งาน

ในยุคนี้ “คุณจบอะไรมา” ไม่ได้สำคัญเท่ากับ “คุณทำอะไรได้บ้าง”

หลายคนเรียนจบด้านหนึ่ง แต่กลับสนใจสมัครอีกสายงาน ไม่ว่าจะเพราะความชอบส่วนตัว โอกาสการเติบโตในตลาดแรงงาน หรือเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจนเมื่อเติบโตขึ้น แต่คำถามที่หลายคนกังวลคือ…“จะเริ่มต้นยังไงให้ได้งานจริง?” บทความนี้จะพาคุณไล่เรียงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเขียนเรซูเม่ให้โดนใจ HR สำหรับคนที่ไม่ได้จบตรงสาย ไปจนถึงการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานอย่างมืออาชีพ พร้อมตัวอย่างคำตอบที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อเพิ่มโอกาสในการคว้างานในฝันของคุณให้สำเร็จ

1. เปลี่ยนมุมมอง: สมัครงานไม่ตรงสายไม่ได้แปลว่า “ด้อยกว่า”

1.1 เปลี่ยนมุมมอง: สมัครงานไม่ตรงสาย ไม่ได้แปลว่า “ด้อยกว่า”

ปัจจุบันหลายบริษัทให้ความสำคัญกับ “ศักยภาพ” มากกว่าชื่อปริญญา คุณไม่จำเป็นต้องจบสายตรง    ขอแค่แสดงให้เห็นว่าคุณมีความสามารถที่เกี่ยวข้อง และพร้อมพัฒนา สิ่งที่ HR มองหาในผู้สมัครงาน ไม่ได้มีแค่ชื่อคณะหรือวุฒิการศึกษา แต่รวมไปถึง…

  • ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน ทั้ง Hard Skill และSoft Skill
  • ความตั้งใจจริงในการเรียนรู้และปรับตัว
  • ความเข้าใจองค์กรและวัฒนธรรมการทำงาน
  • ทัศนคติที่ดีและแรงจูงใจในการทำงาน ถ้าคุณมีจุดเหล่านี้ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวคำว่า “ไม่ตรงสาย” อีกต่อไป

2. เทคนิคเขียนเรซูเม่ให้โดนใจ แม้สมัครงานไม่ตรงสาย

2.1 เริ่มต้นด้วย “เป้าหมายอาชีพ” ที่ชัดเจน (Career Objective)

เป้าหมายอาชีพคือจุดเริ่มต้นที่ HR จะอ่านเป็นอย่างแรก ถ้าเขียนให้เฉพาะเจาะจงและเชื่อมโยงกับตำแหน่งที่สมัครได้ดี ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์

❌ “ต้องการทำงานด้านการตลาด”

✅ “ต้องการนำทักษะด้านการสื่อสารและความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค มาประยุกต์ใช้ในงานการตลาดดิจิทัล เพื่อสร้างแคมเปญที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายและช่วยผลักดันยอดขายขององค์กรให้เติบโต”

2.2 ดึง “ทักษะที่เกี่ยวข้อง” มาชูให้เด่น

แม้จะไม่ได้จบมาจากสายตรง แต่คุณอาจมี ทักษะหรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นอยู่แล้ว ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้างความน่าสนใจให้กับเรซูเม่ของคุณได้ เช่น

  • เคยผ่านการอบรมหรือเรียนคอร์สออนไลน์ในสายงานที่สนใจ
  • มีประสบการณ์ฝึกงาน อาสาสมัคร หรือทำฟรีแลนซ์ในงานที่ใกล้เคียง
  • มีผลงานส่วนตัว เช่น เขียนบล็อก ทำโปรเจกต์ ทำคลิปวิดีโอ หรือจัดการเพจโซเชียลมีเดีย

💡 Tip: อย่าลืมใช้คำศัพท์ที่ตรงกับสายงาน เช่น SEO, UI/UX, Content Strategy หรือ Data Visualization เพื่อให้ HR เห็นว่าคุณเข้าใจงานจริง

2.3 โฟกัสที่ “ประสบการณ์จริง” มากกว่าชื่อคณะ

อย่ายึดติดว่า “เรียนจบอะไร” ให้เน้นว่า “คุณเคยทำอะไร” มาแล้วบ้าง

การสมัครงานในยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับวุฒิหรือสาขาที่เรียนจบมาเสมอไป สิ่งที่ HR สนใจมากกว่าคือ ประสบการณ์ที่คุณเคยลงมือทำจริง และสามารถนำมาต่อยอดในงานได้หรือไม่

เช่น แม้คุณจะเรียนอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ระหว่างเรียนเคยช่วยดูแลเพจร้านกาแฟของครอบครัว
สิ่งนี้สามารถใส่ลงในเรซูเม่ให้ดูน่าสนใจได้ว่า:

📝 “ดูแลเพจ Facebook ร้านกาแฟ วางแผนคอนเทนต์และออกแบบภาพประกอบ ส่งผลให้ยอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้น 50% ภายใน 3 เดือน”

ประโยคแบบนี้จะช่วยให้ HR เห็นภาพชัดเจน ว่าคุณมีประสบการณ์ที่สามารถนำมาใช้ในงานจริงได้ ไม่ว่าจะจบมาจากสายไหนก็ตาม

2.4 สร้าง “Section พิเศษ” เช่น Project / Portfolio

มีผลงาน? อย่าเก็บไว้คนเดียว

ถ้าคุณมีผลงาน ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์ส่วนตัวหรือสิ่งที่ทำในเวลาว่าง อย่าเก็บไว้แค่ในเครื่องตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเรซูเม่ และทำให้ HR เห็นภาพความสามารถของคุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

👉 แนะนำให้ใส่ลิงก์ผลงานลงในเรซูเม่ หรือแนบ Portfolio ไปพร้อมกับการสมัครงาน โดยเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับลักษณะผลงาน เช่น

  • เขียนบทความ → แนบลิงก์ Medium หรือเว็บไซต์ส่วนตัว
  • ทำคลิปวิดีโอ → แนบลิงก์ YouTube หรือ TikTok
  • เขียนโค้ด → แนบลิงก์ GitHub หรือ GitLab
  • ทำแผนการตลาด / อินโฟกราฟิก → แนบไฟล์จาก Google Drive, Canva, หรือ Notion

💡 อย่ารอให้ได้งานประจำก่อนถึงจะเริ่มทำพอร์ต เพราะ โปรเจกต์ส่วนตัวก็สามารถแสดงศักยภาพของคุณได้ชัดเจนไม่แพ้งานจริง และบางครั้งอาจเป็นสิ่งที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นด้วยซ้ำ

3. เตรียมตัวสัมภาษณ์ยังไงให้ปัง! แม้ไม่ใช่สายตรง

ผ่านรอบเรซูเม่แล้วก็อย่าประมาทด่านต่อไป การสัมภาษณ์! HR ไม่ได้อยากรู้แค่คุณเรียนจบอะไร แต่เขามองลึกกว่านั้นว่า… “คุณจะสร้างคุณค่าอะไรให้กับทีม?”

🔍 HR มองหาอะไรจากผู้สมัคร? สรุปได้เป็น 4 ด้าน เช่น

3.1 ความเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร (Cultural Fit)

  • ศึกษาข้อมูลบริษัทจากเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
  • ตอบคำถามให้สื่อถึงความเข้าใจค่านิยมขององค์กร

เช่น

“ผมชอบแนวคิดเรื่องความยั่งยืนที่บริษัทให้ความสำคัญ และคิดว่าสามารถนำทักษะด้านคอนเทนต์ของผมมาช่วยสื่อสารเรื่องเหล่านี้ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ครับ”

3.2 ทัศนคติในการทำงาน (Work Attitude)

HR ให้ความสำคัญกับ “คนที่พร้อมเรียนรู้” มากกว่าคนที่เก่งแต่ไม่ยืดหยุ่น

เช่น

“สำหรับผมแล้ว ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานคือโอกาสในการเรียนรู้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่คนที่พร้อมเปิดใจและยืดหยุ่นจะสามารถเติบโตได้ไกลกว่า ดังนั้นเมื่อเจออุปสรรค ผมมักจะไม่รีบร้อนตัดสินใจทันที แต่จะพยายามวิเคราะห์สถานการณ์จากหลายมุมมอง หาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด และไม่ลังเลที่จะขอคำแนะนำจากคนรอบตัว เพราะผมเชื่อว่าการฟังและปรับปรุงอยู่เสมอ คือหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกับผู้อื่นและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง”

3.3 ความสามารถในการเรียนรู้ (Learning Agility)

  • ยกตัวอย่างที่เคยเรียนรู้อะไรใหม่ในเวลาสั้นๆ

เช่น

“แม้ผมจะไม่ได้จบมาทางด้านการตลาดโดยตรง แต่ผมมีความสนใจและลงทุนเรียนคอร์ส Digital Marketing ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งลงมือทดลองทำแคมเปญ Facebook Ads โดยใช้งบประมาณจำกัด ซึ่งสามารถสร้างยอดขายจากสินค้าออนไลน์ได้จริงภายในไม่กี่สัปดาห์ครับ”

3.4 ทักษะการสื่อสารและจัดการอารมณ์

ฝึกพูดให้ชัดเจน เป็นธรรมชาติ และมั่นใจ — เพราะ HR ไม่ได้ฟังแค่คำตอบ แต่ดูการแสดงออกของคุณด้วย

เช่น

  • ฝึกตอบคำถามหน้ากระจก / อัดวิดีโอ
  • รักษาน้ำเสียง ท่าทาง และการสบตาให้ดูมั่นใจ

4. ตัวอย่างคำถาม + คำตอบ สัมภาษณ์งาน (สำหรับคนจบไม่ตรงสาย)

🗣 คำถาม: “คุณจบไม่ตรงสาย ทำไมถึงอยากทำงานในตำแหน่งนี้?”

เทคนิคการตอบ:

  • แสดงความสนใจแท้จริง
  • ยกตัวอย่างว่าเริ่มเรียนรู้ด้วยตนเอง
  • เชื่อมโยงทักษะเดิมกับงานที่สมัคร

ตัวอย่างคำตอบ:

“แม้ว่าผมจะจบจากคณะวิทยาศาสตร์ แต่ในช่วงปีสุดท้าย ผมเริ่มสนใจ UX Design และเรียนคอร์ส ออนไลน์เกี่ยวกับ Human-Centered Design พอได้ลองทำโปรเจกต์ออกแบบแอปเล็กๆ กับเพื่อน ก็รู้สึกสนุกและได้ใช้ความเข้าใจเชิงระบบที่เรียนมาในงานออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ ผมมั่นใจว่าสามารถต่อยอดได้ และอยากพัฒนาตัวเองในสายนี้ครับ”

5. เคล็ดลับเพิ่มโอกาสได้งาน แม้ไม่จบสายตรง

5.1 สร้าง “ภาพลักษณ์” บนออนไลน์

  • LinkedIn, Medium, หรือ Blog ส่วนตัว
  • แชร์ความรู้/ประสบการณ์ในสายงานที่อยากทำ
  • รีวิวคอร์สออนไลน์ หรือโปรเจกต์ที่ทำเอง

5.2 เข้าร่วมชุมชน / คอร์สฟรี

  • สมัครเรียนออนไลน์ (Coursera, Future Learn, Skilllane ฯลฯ)
  • เข้ากลุ่ม Facebook ชุมชนสายงานที่สนใจ เช่น Data Analyst Thailand, Digital Marketing Thai ฯลฯ เพื่ออัปเดตเทรนความรู้งานและไอเดียใหม่ๆ

5.3 สมัครงานแบบจัดเต็มด้วย “พอร์ตโฟลิโอ”

  • ไม่ต้องรอให้ประกาศรับตำแหน่งตรงเป๊ะ
  • ถ้ามีโปรเจกต์น่าสนใจ ส่งพอร์ตพร้อมอีเมลสมัครงานได้เลย
  • HR หลายคนยินดีเปิดโอกาสให้คนที่ “ลงมือทำ” มากกว่าคนที่ “แค่รอ”

สรุป: จบไม่ตรงสาย ก็ได้งาน ถ้าคุณ “เตรียมตัวเป็น”

  • เขียนเรซูเม่ให้เน้นจุดแข็งและทักษะที่เกี่ยวข้อง
  • ศึกษาองค์กรและเตรียมคำตอบสัมภาษณ์อย่างจริงจัง
  • ฝึกพูด ฝึกสื่อสาร และมีความมั่นใจในตัวเอง
  • แสดงให้เห็นว่าคุณเลือกสายงานนี้ด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่แค่เพราะไม่มีทางเลือก

อย่าปล่อยให้คำว่า “ไม่ตรงสาย” กลายเป็นข้อจำกัด เพราะสุดท้ายแล้ว… HR ไม่ได้มองแค่วุฒิการศึกษา แต่เขามองว่า คุณจะเป็นประโยชน์กับทีมได้อย่างไร