fbpx
13ม.ค.

E-commerce Manager ทำหน้าที่อะไร? สิ่งที่ต้องรู้ก่อนก้าวสู่อาชีพนี้

E-commerce Manager มีหน้าที่ในการควบคุมดูแลออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี เพื่อให้เกิดการเพิ่มความสามารถในการมองเห็นของสินค้า และทำให้การมองเห็นนั้นเปลี่ยนไปเป็นยอดขาย ด้วยกลยุทธ์และแคมเปญต่างๆ ที่ถูกออกแบบไว้ นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเกี่ยวกับตัวสินค้า การบริหารจัดการ SEO ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การบริหารระบบฐานข้อมูลของลูกค้า และการบริหาร Stock ออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ นำแผนงานที่วางไว้ไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเติบโตขึ้นของยอดขายทางออนไลน์

👉หน้าที่หลักๆของ E-commerce Manager ก็คือ

1. รับผิดชอบต่อการขายออนไลน์โดยการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆเพื่อเพิ่มยอดขาย

2. ดูแลภาพพจน์และความรู้สึกของลูกค้าที่มาใช้บริการเว็บไซต์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า

3. ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเว็บไซต์ และการออกแบบประสบการณ์การใช้งานหรือ UX ดูแลเรื่องแผนการตลาด การบริการลูกค้า การบริหารยอดขาย การจัดส่งสินค้า ดูแลสินค้าคงคลังเพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงพอที่จะส่งตลอดเวลาที่มีการซื้อขาย จัดระบบการขนส่งตามตารางเวลาภายใต้มาตรฐานการขนส่งที่กำหนดขึ้นมา

4. มีภาวะผู้นำเพราะต้องเป็นคนที่ประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆให้แผนงานที่กำหนดไว้เป็นไปตามแผน

5. ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ E-commerce Manager จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลเป็น เพื่อจะหาช่องทางในการพัฒนาให้ยอดขายดีขึ้น และแก้ไขสถานการณ์ในกรณีที่ยอดขายแย่ลง

6. ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสื่อสารอย่างดีเพื่อรวบรวมทีมงานทั้งหมดให้สามารถเข้าทำงานกันอย่างเป็นทีมได้ โดยปราศจากความขัดแย้งและทำทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน

7. มีความสามารถในการใช้งาน ดิจิตอล เทคโนโลยี เพราะ E-commerce จะเป็นการค้าขายที่อยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงต้องมีความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีทางด้านดิจิตอลอย่างดี

8. มี Service Mind งาน E-commerce Manager เป็นงานบริการจึงต้องมีหัวใจบริการในการที่จะส่งมอบสินค้าและความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากการซื้อสินค้า

9. มีความคิดเชิงกลยุทธ์ที่ดี เพื่อจะทำให้ยอดขายมีประสิทธิภาพสูงสุดและผู้ใช้เกิดประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ E-commerce ซึ่งเป็นการใช้บริการทางธุรกิจบนพื้นฐานของอิเล็กทรอนิกส์

10. ดูแล Stores ให้มีความเพียงพอ เพราะการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซ จะมีการเคลื่อนไหวของสต๊อกสินค้าอยู่ตลอดเวลาบนเว็บไซต์ ดังนั้น การบริหารสต๊อกสินค้าในคลังสินค้า จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากต้องมีประสิทธิภาพทันเวลาและถูกต้องเสมอ

11. มีความเข้าใจในการตลาดและสามารถกำหนดนโยบายการตลาดเชิงกลยุทธ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฆษณาสินค้า เรื่องของการดูแลลูกค้าทางด้านโซเชียลมีเดีย เรื่องของงานปัจจุบันที่จะต้องดำเนินการปฏิบัติงานให้เสร็จ เพื่อทำให้เกิดกำไรจากสินค้าคงคลังและยอดขายที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้งนี้ ยังรวมไปถึงการกำหนดโค้ดต่างๆที่ใช้เป็นส่วนลด เพื่อให้ลูกค้ามีความสนใจและกระตุ้นการซื้อขายของลูกค้า

12. จัดการสื่อสารกับลูกค้าด้วยสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น แคมเปญส่งเสริมการขายการตลาดที่ผ่านทางด้านอีเมล ดูแล Transaction ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการขายและวิเคราะห์การจัดซื้อสต๊อกสินค้า เพื่อให้เพียงพอกับสถานการณ์และทันต่อความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงความสามารถในการวิเคราะห์และจัดทำรายงานเพื่อจะพัฒนาสถานการณ์ที่จะใช้ในการเปลี่ยนแปลงจากการเข้ามาถึงของลูกค้าที่เว็บไซต์ ไปสู่การซื้อขายที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเพิ่มยอดขายของบริษัท

13. ทำการวิจัยการตลาดและทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากการวิจัยการตลาด นำไปใช้เป็นกลยุทธ์ในการวางแผนพัฒนาองค์กรต่อไป

14. มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ SEO และการออกแบบเว็บไซต์

15. มีความสามารถในการวางแผนและปฏิบัติงานภายใต้กลยุทธ์การตลาดที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ Email Marketing โปรโมชั่น แคมเปญ การแจกฟรี การโฆษณาการวางแผนทางด้าน Content ต่างๆ เพื่อจะนำออกสู่สังคมผ่านทางด้านโซเชียลมีเดีย

16. ทำหน้าที่ในการสื่อสารกลยุทธ์ต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ภายในองค์กรไปถึงทีมงานต่างๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจเป็นเป้าหมายทางเดียวกัน

17. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กรให้ชัดเจนและปฏิบัติตามจริงได้ และสามารถนำไปอธิบายได้อย่างง่ายดายให้คนที่ต้องร่วมทีมงานสามารถเข้าใจถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์อย่างแท้จริงอย่างชัดเจนถูกต้อง

18. ป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้นและใช้งบประมาณ เพื่อจะบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านั้น เพื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้

19. สร้างโอกาสในการเข้าถึงบุคคลต่างๆ เพื่อจะดึงเข้ามาสู่เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่มีการขายสินค้าและโน้มน้าวให้เกิดการซื้อสินค้าและผูกมัดลูกค้าทั้งหลายให้กลับมาซื้อซ้ำและซื้อมากขึ้นในอนาคต

20. สร้างความน่าเชื่อถือ และให้ความช่วยเหลือลูกค้า เพื่อให้แบรนด์เกิดความน่าสนใจเป็นที่นิยมและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ลูกค้าหลั่งไหลมาซื้อสินค้าหรือแนะนำสินค้าต่อไปให้กับลูกค้าคนอื่นๆได้ซื้อตาม

👉สิ่งที่ E-commerce Manager ควรมีสำหรับคุณสมบัติในตำแหน่งนี้ คือ

1. มีความรู้เรื่องแพลตฟอร์มของ E-commerce อย่างชัดเจน

2. มีความรู้ด้านการตลาดพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Product Price Place Promotion ที่แยกย่อยไปเป็น Personal selling, Advertising, Sales promotion, Public relation และ Publicity

3. มีความรู้ในพื้นฐานด้านการขาย เพราะคนที่เป็น E-commerce Manager นั้น ควรจะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการขายมาก่อน จึงจะสามารถล่วงรู้ถึงพฤติกรรมผู้บริโภคและวางแผนเรื่องการบริหารงานขายหรือทีมขายได้ดี

4. มีความสามารถในการบริหารความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างดี Customer care เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ซื้อที่ดีและกลับมาซื้อซ้ำ

5. มีความสามารถในการทำงานกับข้อมูลมากๆ ที่ซับซ้อนได้ดี สามารถวิเคราะห์และใช้ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์ให้เกิดเป็นข้อมูลทางด้านกลยุทธ์ และนำไปใช้ในการวางแผน เพื่อพัฒนาแผนงานการตลาดหรือแผนงานการบริหารต่อไปได้

6. ต้องสามารถสื่อสารได้กับทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ไปจนถึงระดับพนักงานที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานของแพลตฟอร์ม

7. ต้องเป็นผู้นำ สามารถนำทีมงานให้ทำงานแบบทีมเวิร์คได้ เนื่องจากการทำงานของ E-commerce นั้นจะมีความรวดเร็วซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูงเพราะฉะนั้นการทำงานอย่างเป็นทีมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

8. มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องของการพัฒนากลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งต้องใช้ความรู้ในหลายๆสาขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมผู้บริโภค และการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการซื้อขายมาแล้ว มาแปลเป็นความเข้าใจในวิธีคิดตัดสินใจของผู้บริโภค

9. ต้องเป็นผู้ที่มีความหลงใหลในรายละเอียดหรือข้อมูลต่างๆเนื่องจาก E-commerce เป็น ธุรกิจที่มีข้อมูลมากมายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากเป็นคนที่ไม่มีความชอบในเรื่องของการติดตามข่าวสารข้อมูลต่างๆ จะไม่สามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้เลย

10. ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหารจัดการวิกฤตต่างๆได้อย่างเร็วและถูกต้องเพราะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการแข่งขันที่มีความเข้มข้นในธุรกิจ E-commerce นั้นต้องการคนที่สามารถรับมือกับความตึงเครียดหรือสถานการณ์วิกฤตต่างๆได้อย่างดี มีความสามารถในการจัดการวิกฤตให้เป็นโอกาสได้

11. ต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ดี เพราะงานของ E-commerce เป็นงานที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นตลอดเวลา อันเนื่องมาจากความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ ข้อมูลมหาศาล การซื้อขายที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และซื้อในปริมาณมากๆ ย่อมต้องมีปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา อีคอมเมิร์ซ E commerce Manager จึงจำเป็นต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ

กล่าวโดยสรุปแล้ว E commerce Manager ก็คงไม่ได้ต่างอะไรมาก กับ Marketing Manager ในอดีต เพียงแต่รูปแบบของการทำการตลาด หรือการขายสินค้าจะเน้นไปที่เรื่องของแพลตฟอร์มเป็นหลัก แต่พื้นฐานของการบริหารจัดการในเรื่องของ Marketing Mix ก็คงจะเหมือนเดิมและเหมือนกัน แค่วิธีการหรือสิ่งที่ใช้เปลี่ยนจากยุค Analog มาเป็นยุคดิจิตอล แต่ไม่ว่าจะเป็น  E-commerce Manager หรือ Marketing Manager ในยุคโบราณ ก็ทำงานเหมือนกันเพราะเป้าหมายสุดท้ายคือเป้าหมายเดียวกัน คือการทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่เรากำหนดขึ้นมา เกิดความพึงพอใจในประสบการณ์ที่ดี และมีการซื้อซ้ำในที่สุด เพื่อการเติบโตของยอดขายในระยะยาว เพียงแต่ต้องมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ๆให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้นเอง