06พ.ค.

เด็กจบใหม่ควรมีทักษะอะไรบ้าง?

เด็กจบใหม่ควรมีทักษะอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นเด็กจบใหม่จึงยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงาน และมีความรู้จำกัดเฉพาะเท่าที่เรียนมา เด็กจบใหม่ควรจะมีความรู้อะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเข้าสู่กระบวนการจ้างงานตามมาตรฐานทั่วไป

📣1. ความรู้ในสิ่งที่เรียนมา

สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะความรู้ที่เรียนมาต้องมีความแม่นยำในเรื่องของทฤษฎีต่างๆ โดยเฉพาะถ้าคิดจะไปทำงานในสาขาใด ในบริษัทใด ในลักษณะงานใด สิ่งแรกคือ ต้องกลับไปทบทวนความรู้ให้แม่นยำในทุกบทที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ

📣2. ความรู้ประกอบทางอ้อม

ยังมีความรู้ทางอ้อมอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องระบบการทำงาน ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ระเบียบบริษัท วัฒนธรรมองค์กร และองค์กรแห่งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร มีประวัติมีการเติบโตขององค์กรมาอย่างไร และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จของการทำงาน การเข้าไปทำงานในองค์กรใด ๆ ก็ตาม วัฒนธรรมองค์กร เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องเรียนรู้ เพื่อให้เราสามารถเข้ากับองค์กรได้

📣3. ความรู้ด้านภาษา

ในปัจจุบันอาจจะไม่ได้หมายถึงแค่ภาษาที่ 2 ภาษาเดียวเท่านั้น นอกเหนือจาก ภาษาอังกฤษที่เราเรียนรู้กันมาตั้งแต่ 50 ปีที่ผ่านมาว่าเราต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อค้าขายกับชาวตะวันตก อาจจะหมายถึงภาษาที่ 3 เช่น ภาษาจีน แต่ในปัจจุบันนี้การเรียนรู้ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น หรือแม้แต่ภาษารัสเซีย ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะโลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คู่ค้าที่สำคัญไม่ได้มีแค่ฝั่งตะวันตกอย่างเดียวเสมอไป

📣4. ความรู้ด้านการนำเสนอ

ความรู้ด้านการนำเสนอเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญในการทำงาน ไม่ว่าเราจะทำงานที่มีหน้าที่ต้องไปพบปะลูกค้าในฐานะตำแหน่งเซลล์ หรือในฐานะตำแหน่งอะไรก็ตาม ที่ต้องมีการติดต่อประสานงานกับภายนอก เทคนิคการนำเสนอหรือความรู้ความชำนาญในการนำเสนอ หรือที่เรียกว่า Presentation ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีความรู้เพิ่มเติม และยังต้องใช้งานในการประชุมภายในบริษัทด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกค้าข้างนอก ผู้บริหาร พนักงาน เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใต้บัญชาของเรา ก็ต้องมีการนำเสนอสิ่งต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจหรือโน้มน้าวให้เกิดความสำเร็จ

📣5. ความรู้ด้านการประชุม

ในการประชุมไม่ใช่เป็นเพียงแค่ การเข้ามานั่งฟัง นั่งพูดกันไปเรื่อยๆ โดยมิได้มีการจัดระบบหรือระเบียบการประชุมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการประชุม ความรู้ด้านการประชุมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดเรียงลำดับหัวข้อการประชุมให้เชื่อมโยงและต่อเนื่อง การกำหนดเวลาในการประชุม การควบคุมเวลาในการประชุม การกำหนดทิศทางของการประชุมให้เป็นไปตามหัวข้อที่กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้การประชุมยืดเยื้อและใช้เวลาเกินความจำเป็น เป็นสิ่งที่เราเองก็ต้องเรียนรู้แม้จะเป็นฐานะพนักงานใหม่ เราก็ต้องหัดเรียนรู้เรื่องนี้ไว้เพื่อจะให้ตนเองอยู่ในการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้นในระหว่างการประชุมเพราะบางครั้งมีความเข้าใจผิดว่าการพูดเยอะในที่ประชุมจะบ่งบอกถึงความฉลาดหรือความเก่งในการนำเสนอ หรือการสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเสมอไป การประชุมที่ดีจะต้องเป็นการประชุมที่กระชับสั้น ได้ใจความ และเห็นผลชัดเจน 

📣6. ความรู้ด้านการบันทึกการประชุม

นอกจากความรู้ด้านการประชุมแล้ว ความรู้ด้านการบันทึกการประชุมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องมีความชำนาญและเรียนรู้ทำความเข้าใจ ผู้ที่จะสามารถบันทึกการประชุมได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถติดตามรับฟังสิ่งต่างๆ ในระหว่างการประชุม สามารถจับใจความสำคัญ สามารถสรุปประเด็นสำคัญและสามารถเรียงร้อยออกมาเป็นบันทึกการประชุมที่กระชับ ตรงประเด็นครบถ้วน ได้ใจความที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายนัก การกระทำสิ่งนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะด้านภาษาที่ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากผู้ที่อ่านหนังสือมากๆ คนที่อ่านหนังสือมากๆ จะเป็นคนที่มีความสามารถในการจับประเด็น เรียบเรียงคำพูด สรุปเนื้อหาและนำเสนอเพิ่มเติมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

📣7. ความรู้ด้านซอฟต์แวร์ต่างๆ

ความรู้ด้านซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน เช่น Microsoft Office หรือโปรแกรมทางด้านงานเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ทางด้านการก่อสร้าง ในกรณีที่เราทำงานก่อสร้าง หรือซอฟต์แวร์ทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในกรณีที่เราทำงานเกี่ยวกับ Data เราต้องรู้ว่าเราจะทำงานสายใดจึงจะสามารถกำหนดได้ว่าซอฟต์แวร์ที่เราควรจะต้องมีความรู้ความชำนาญเพิ่มเติมควรจะเป็นซอฟต์แวร์ด้านใด

📣8. ความรู้ในซอฟต์แวร์พิเศษ

ความรู้ในซอฟต์แวร์พิเศษที่ใช้เฉพาะกรณี อันนี้หมายถึง กรณีที่เรามีเป้าหมายชัดเจนว่าเราจะทำงานด้านใด เช่น เราต้องการเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Data Science หรือ Data Analysis เราจะต้องมีความรู้ทางด้านสถิติซึ่งเป็นทฤษฎีพื้นฐานและอาจจะต้องมีความรู้ความชำนาญในเรื่องของการใช้ Software ทางด้านการวิเคราะห์สถิติ ไม่ว่าจะเป็น SPSS หรือ SAS หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการใช้งานทฤษฎีต่างๆ ผ่านซอฟต์แวร์ เพื่อให้การคำนวณแม่นยำขึ้น รวดเร็วขึ้น แต่อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีนั้นๆ และต้องสามารถแปลความหมายของสิ่งที่วิเคราะห์ออกมาได้ เพื่อนำไปสู่ข้อมูลต่างๆ ที่จะเป็นพื้นฐานในการนำไปพัฒนางานต่อไป

📣9. ความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล

ความรู้ด้านนี้ อย่างน้อยพื้นฐานจะต้องมีความสามารถในการใช้กราฟต่างๆ ได้ดี สามารถกำหนดวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างถูกต้อง เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลเริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง ถูกประเภท ก่อนที่จะนำไปใช้กับซอฟต์แวร์ หรือทฤษฎีที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้ข้อมูลในการพัฒนาต่อไป

📣10. การรับมือเรื่องความกดดัน

ความรู้ด้านความสามารถในการรับแรงกดดันจากสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่เกิดขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องมีวิธีเรียนรู้ที่จะรับมือกับแรงกดดันอย่างถูกต้อง เหมาะสม เพื่อไม่ให้เราเกิดอาการสติแตก สูญเสียความมั่นใจ หรือสูญเสียกำลังใจในการทำงาน จึงต้องเรียนรู้ถึงวิธีการจัดการความเครียด

📣11. ความรู้ด้านการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น

ในการทำงานร่วมกันย่อมมีอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสารที่ผิดพลาดจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ล้วนแล้วมาจาก พื้นฐานของการสื่อสาร ดังนั้น การสื่อสารที่ดี ทัศนคติที่ดี จึงจำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการบริหารจัดการด้วยความรู้พื้นฐานด้านจิตวิทยาในการทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือจิตวิทยาเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำงานประเภทต่างๆ

📣12. ความรู้ด้านจริยธรรมในการทำงาน

ความรู้ด้านจริยธรรมในการทำงานเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในแต่ละองค์กรเนื่องจากแต่ละองค์กรมีจริยธรรมของตนเองในการทำงานไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันตก ก็มีวัฒนธรรมและจริยธรรมในการทำงาน และการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อเข้าไปทำงานในองค์กรใดก็ตาม เราต้องเรียนรู้ถึงจริยธรรมในการทำงานของแต่ละองค็กรให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อเราจะได้ไม่ทำงานผิดพลาดหรือขัดแย้งกับจริยธรรมที่ถูกกำหนดไว้

📣13. การใช้ชีวิตในที่ทำงาน

ความรู้ด้านการวางตัวในที่ทำงาน และการระมัดระวังเพื่อนร่วมงานที่เป็นอันตราย ความสัมพันธ์ในที่ทำงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องมีวิธีการจัดการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสนิทสนม การวางตัวซึ่งกันและกันรวมไปถึง การรักษาความลับหรือความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เพราะไม่ใช่ผู้คนในที่ทำงานจะไว้ใจได้ทุกครั้งและทุกคนเสมอไป ดังนั้น การเรียนรู้เรื่อง การวางตัวในที่ทำงาน และการระมัดระวังเพื่อนร่วมงาน คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนที่จะไปทำงานที่ใดก็ตาม