บทบาทหัวหน้าช่าง : ผู้นำที่เชี่ยวชาญในงานช่างทุกแขนง
หัวหน้าแผนกช่าง ตำแหน่งนี้ ก็ชัดเจน ตามชื่อของตำแหน่งว่าเป็น หัวหน้าช่าง นั่นหมายความว่า คนที่จะมาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ ต้องมาจากสายช่างเท่านั้น เพราะเป็นสายวิชาชีพและเป็นทักษะฝีมือเฉพาะตัวหรือเฉพาะสาขา เช่น คนที่เป็นหัวหน้าช่างทางด้านเครื่องกล ก็ต้องเป็นคนที่เริ่มต้นมาจากการเป็นช่างกลมาก่อน หรือคนที่เป็นหัวหน้าช่างไฟ ก็ต้องเริ่มจากการเป็นช่างไฟมาก่อน
หัวหน้าแผนกช่าง คือ คนที่จะต้อง คอยแนะนำลูกน้อง ในการแก้ปัญหาที่มีอยู่ในทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับสายช่างสายนั้นยกตัวอย่างเช่น คนที่เป็นหัวหน้าช่างซ่อมรถยนต์ แน่นอนที่สุดจะต้องเป็นคนที่ซ่อมรถยนต์เป็นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของรถยนต์ จึงจะสามารถขึ้นไปเป็นหัวหน้าช่างได้ เพราะหัวหน้าช่างซ่อมรถยนต์ มีหน้าที่จะต้องวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องชัดเจน เพราะการวินิจฉัยปัญหาของหัวหน้าช่างเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะต้องส่งต่อไปให้ลูกทีมในการไปซ่อมบำรุงรถยนต์ เพื่อให้การซ่อมบำรุงนั้น ตรงกับปัญหาที่สุด จบปัญหาไว้ที่สุด ไม่ทำให้ลูกค้าเกิดค่าใช้จ่ายที่บานปลายจนทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่พอใจว่า มีการวิเคราะห์ปัญหา หรือกำหนดแนวทางการซ่อมไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดความเสียหายทั้งในแง่ของเวลา ค่าใช้จ่ายและการรื้อชิ้นส่วนบางอย่างที่ไม่จำเป็น ทำให้การประกอบเข้าไปใหม่ แม้จะทำได้ แต่ก็จะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนที่รถออกจากโรงผลิตรถยนต์ใหม่ๆ
ยิ่งความแม่นยำในการวิเคราะห์ปัญหามากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือของความเป็นหัวหน้าช่างในสายตาของลูกน้องก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ในทางกลับกัน หากหัวหน้าช่างวิเคราะห์ปัญหาผิดบ่อยๆ ทำให้ลูกน้องต้องทำงานซ้ำๆ หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จะทำให้ลูกน้องเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจที่จะทำตามที่หัวหน้าช่างบอกและกังวลใจในความรับผิดชอบที่ตามมาในกรณีที่ลูกค้าไม่พอใจในผลการซ่อมที่ไม่ตรงเป้าหมาย และไม่สามารถซ่อมจบในครั้งเดียว
หัวหน้าแผนกช่าง จะต้องเริ่มต้นจาก การเป็นพนักงานช่างมาก่อน และต้องมีความสามารถในการซ่อมปัญหาต่างๆอย่างชำนาญ ได้รับการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนให้ซ่อมในส่วนต่างๆที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่ช่างทุกคนจะต้องมี คือ ประสบการณ์โดยตรงในการซ่อมเครื่องจักรในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องจักรทั้งหมดทุกๆส่วน
คนที่เป็นช่างจะต้องเป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานจากการเรียนช่างมาโดยตรง อาจจะมีการท้วงติงว่า คนที่ไม่ได้เรียนช่างมาโดยตรงก็สามารถที่จะเป็นช่างซ่อมเครื่องจักร หรือช่างไฟฟ้าได้เหมือนกัน ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ แต่มั่นใจว่ามีขอบเขตจำกัดแน่นอน เพราะหากการซ่อมบำรุงของช่างในส่วนที่ไม่ยาก หรือไม่เกี่ยวกับทฤษฎีลึกซึ้งมากๆ เป็นการซ่อมทั่วๆไป คนที่ทำการซ่อม อาจจะไม่จำเป็นต้องเรียนช่างมาโดยตรง แต่หากต้องเป็นการซ่อมในส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งที่ยากซับซ้อนที่จำเป็นต้องใช้ความรู้พื้นฐานของสายช่างนั้นๆ อย่างตรงไปตรงมาและถูกต้องชัดเจน คนที่ไม่ได้เรียนสายช่างมาย่อมมีข้อจำกัดในเรื่องของทฤษฎีพื้นฐาน หรือความรู้พื้นฐานที่จะซ่อมเครื่องจักรหรือทำงานช่างนั้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ไม่มีโอกาสที่ผิดพลาดได้
แม้ช่างซ่อมจะมีประสบการณ์ในการซ่อมโดยตรงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องมีการฝึกอบรมในเรื่องของทฤษฎีและเทคนิคต่างๆที่ใช้ในการซ่อม หรือในการทำงานช่างในสายนั้นๆอย่างต่อเนื่อง เพราะทฤษฎีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานวิศวกรรม ซึ่งงานวิศวกรรมเริ่มต้นมาจากพื้นฐานทฤษฎีที่ถูกต้องก่อน แล้วหลังจากนั้น จึงจะนำไปสู่การปฏิบัติซ้ำๆตามทฤษฎีหรือตามเทคนิคต่างๆที่ได้ถูกสอนไว้อย่างถูกต้องจนเกิดความชำนาญ และเกิดความผิดพลาดน้อยลง ทำให้มีประสิทธิภาพในการซ่อม หรือในการทำงานฝ่ายช่างนั้นได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดต้นทุนตรงเป้าหมาย และได้ผลดีที่สุด
ดังนั้น คนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าช่างแผนกต่างๆนั้น จึงจำเป็นต้องผ่านกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นมิฉะนั้น จะไม่สามารถทำงานในตำแหน่งหัวหน้าช่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นหมายถึง ถ้าไม่มีความรู้ทฤษฎีพื้นฐานที่ถูกต้อง ไม่มีความรู้เทคนิคในการทำงานที่ถูกต้องอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีประสบการณ์ตรงในการซ่อมบำรุงหรือทำงานสายช่างนั้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดความชำนาญอย่างแท้จริงจากชั่วโมงบินที่มีมากขึ้น ไม่มีความเข้าใจในขั้นตอนต่างๆของการถอดออกหรือการประกอบใหม่ในการซ่อมบำรุงนั้น จะส่งผลเสียทันทีในการทำงาน
ยกตัวอย่างเช่น หากกรณีมีการเปลี่ยนยางรองแท่นเครื่องในรถยนต์ การใส่ชิ้นส่วนไหนก่อน การขันน๊อตตัวไหนก่อน อาจจะเป็นสิ่งที่มองผิวเผินแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ว่าน็อต 3 ตัว จะใส่ตัวไหนก่อนก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลำดับการใส่น็อต จะทำให้การทำงานถูกต้อง และปรับระยะได้แม่นยำและง่ายขึ้น ถ้าใส่น็อตผิดตัว หรือเรียงลำดับการใส่น็อตผิดตัว จะทำให้ต้องดันชิ้นส่วนต่างๆให้สามารถประกอบเข้าไปได้ในที่สุดโดยที่ไม่จำเป็น และอาจจะส่งผลเสียในระยะยาวได้
👷คุณสมบัติของคนที่จะเป็นหัวหน้าช่าง
มีความเชี่ยวชาญ
คนที่เป็นหัวหน้าช่างได้นั้น นอกจาก จะต้องมีความเชี่ยวชาญในประสบการณ์การทำงานช่างโดยตรงจนมีความรู้มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถูกต้องตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการบริหารทีมงานให้ทำงานตามขั้นตอน จัดสรรแบ่งงานให้ถูกต้องตามความสามารถของลูกทีมที่มีแต่ละคน เพราะลูกน้องแต่ละคนที่อยู่ในสายงานช่างทั้งหมดนั้น ย่อมมีทั้งคนที่มีประสบการณ์สูงมากและพร้อมที่เป็นหัวหน้าช่างคนต่อไปในอนาคตอันใกล้ได้ หรือคนที่กำลังเรียนรู้สิ่งที่ยากในการทำงานช่างสายงานนั้น เพื่อจะเตรียมตัวเป็นหัวหน้างานได้ในอนาคต หรือคนที่กำลังพึ่งเรียนรู้ในสิ่งกลางๆทั่วๆไปแต่ยังไม่ชำนาญมากนัก หรือแม้กระทั่งคนที่เพิ่งจะเริ่มหัดทำการซ่อมหรือเป็นช่างใหม่ๆ ดังนั้น หัวหน้าช่องต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ความสามารถของลูกน้องได้ว่า งานลักษณะไหนควรจะให้ใครเป็นคนทำ และลูกน้องคนไหนจะต้องพัฒนาอะไรต่อไปในระดับขั้นต่อไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของหัวหน้าช่างที่จะต้องจัดวางแผนการพัฒนาทักษะให้กับลูกน้องตามความสามารถตามลำดับสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพื่อนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบในการเป็นช่างในสายงานนั้นๆ จนกระทั่งสามารถขึ้นไปเป็นหัวหน้าช่างได้ด้วยความพร้อมในเรื่องของความสามารถในทางวิศวกรรมหรือในทางเทคนิคหรือในทางปฏิบัติ
การบริหารทรัพยากรบุคคล
นอกจากสิ่งนี้แล้ว คนที่เป็นหัวหน้าช่างจะต้องมีความรู้ในการบริหารคน การวางแผนงานให้มีประสิทธิภาพในการใช้เวลาในการซ่อมบำรุงให้น้อยที่สุด และเกิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงน้อยที่สุด แต่ทำให้เครื่องจักรมีประสิทธิภาพหรือทำงานได้ใกล้เคียงกับเครื่องจักรที่เหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ในอดีต และความเป็นจริงแล้ว การซ่อมบำรุงต่างๆนั้น จะไม่ทำให้เครื่องจักรเหมือนเดิม 100% เหมือนเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ๆ แต่ควรอยู่ในระดับที่ใช้งานได้อย่างแม่นยำถูกต้องปลอดภัย ภายใต้งบประมาณการซ่อมบำรุงที่ประหยัดที่สุด กล่าวโดยสรุปแล้วคนที่เป็นหัวหน้าช่างได้ ควรจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
1. เป็นคนที่ทำงานสายช่างมาก่อนและมีประสบการณ์ในการซ่อมบำรุงในสายงานช่างนั้นๆ หรือแก้ปัญหาในการซ่อมแซมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในสายงานนั้นๆในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะซ่อมในส่วนใดก็ต้องสามารถซ่อมได้
2. เป็นคนที่มีทฤษฎีพื้นฐานที่แม่นยำรวมไปถึงเทคนิคการทำงานที่ถูกต้อง และขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง เพราะสิ่งนี้คือ สิ่งที่จะต้องนำมาสอนให้กับลูกน้องในทีม ให้เข้าใจทฤษฎีอย่างถูกต้อง รู้เทคนิคในการทำงานในส่วนต่างๆอย่างถูกต้อง และทำงานตามขั้นตอน เพื่อลดความเสียหายหรือความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายในระยะยาวได้จากการทำงานผิดขั้นตอน แม้เครื่องจักรนั้น จะดำเนินการใช้งานได้ แต่มันหมายถึงระเบิดเวลาที่จะเกิดความเสียหายในระยะยาวจากการทำงานที่ผิดขั้นตอน เหมือนการซ่อมรถยนต์รถยนต์ อาจจะใช้งานได้ แต่ในระยะเวลาสั้นก็จะเกิดปัญหาตามมาอีก เนื่องจากเทคนิคการซ่อมบำรุงที่ไม่ถูกต้อง หรือขั้นตอนการทำงานที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความเสี่ยง ที่จะเกิดความเสียหายหลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่งโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. เป็นคนที่ต้องมีความสนใจในการศึกษาทฤษฎีใหม่ๆ เทคนิคใหม่ๆในการทำงาน รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆที่จะใช้ในการทำงาน ให้เกิดความแม่นยำและรวดเร็วในการทำงานมากที่สุด ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด
4. ต้องเป็นคนที่มีความเข้าใจในชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องจักรที่อยู่ในสายงานนั้น เพราะชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมีความเกี่ยวข้องในเรื่องของพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ และการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงสเปคของชิ้นส่วนต่างๆที่แตกต่างกันว่า ส่งผลอย่างไรกับการใช้งานในระยะยาวยกตัวอย่างเช่น ชิ้นส่วนที่เป็นของแท้กับชิ้นส่วนที่เป็นของเทียบกัน ทำงานได้เหมือนกัน แต่ส่งผลให้กับประสิทธิภาพการงานที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งคนที่เป็นหัวหน้าช่างจะต้องมีความรู้เรื่องสิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถประเมินการ หรือคาดการณ์ได้ว่าการใช้ชิ้นส่วนแท้กับการใช้ชิ้นส่วนเทียบช่วงเวลาในการใช้งานอายุงาน หรือประสิทธิภาพการทำงานนั้น จะลดลงเพียงใดในกรณีที่ใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ของแท้หรือชิ้นส่วนเทียบ
5. ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ในเชิงบริหารจัดการ แบ่งงาน จ่ายงานอย่างถูกต้องเหมาะสม บริหารตารางงานให้ถูกต้องรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในการซ่อมบำรุงและได้ประสิทธิภาพสูงสุด และใช้คนถูกกับความสามารถ ไม่ทำให้เกิดปัญหาระยะยาวหลังจากซ่อมไปแล้วหรือใช้งานไปแล้วชั่วระยะเวลาหนึ่ง