01ส.ค.

ทำไมการเป็น Recruitment Consultant ถึงต้องใช้ทั้งใจและสติ?

เคยสงสัยไหมว่างาน Recruitment Consultant” คืออะไร? หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่คนหาพนักงานให้บริษัท หรือเป็นคนกลางเชื่อมโยงผู้สมัครกับองค์กรที่เปิดรับแต่เบื้องหลังความสำเร็จของการสรรหาบุคลากรแต่ละครั้งนั้นกลับซับซ้อนกว่าที่คิดมากนี่คืองานที่ไม่ได้ใช้แค่สมอง แต่ต้องใช้ทั้งใจและสติ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนที่จะเข้ามาในสายอาชีพนี้

1. ใช้ “ใจ” ในการเข้าใจผู้คน – มากกว่าการคัดเรซูเม่ คือการเข้าใจถึงผู้สมัครและองค์กรจริงๆ

Recruitment Consultant ไม่ได้มีหน้าที่แค่จับคู่เรซูเม่กับงานที่เปิดรับ แต่ต้องเข้าถึงและเข้าถึงใจของคนอย่างแท้จริง การคัดเลือกเรซูเม่ของผู้สมัครแต่ละคนคือการก้าวเข้าไปในโลกของพวกเขาเพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจทักษะของผู้สมัครงาน ความต้องการและความกังวลของผู้สมัครงาน

เราต้องเป็นนักฟังที่ดี ฟังในสิ่งที่พวกเขาพูด การสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจ มีEmpathyซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสบายใจให้ผู้สมัคร ซึ่งจะนำไปสู่การนำเสนอโอกาสที่เหมาะสมกับเส้นทางอาชีพของผู้สมัครได้จริง รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สมัครและบริษัทลูกค้าในระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน

2. ใช้ “สติ” ในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหา – ท่ามกลางความไม่แน่นอน

ท่ามกลางความกดดันในการหาผู้สมัครที่ใช่ให้ลูกค้า งาน Recruitment Consultant คือการใช้ สติ อย่างรอบคอบในทุกๆ ก้าว แต่ละวันเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครที่ปฏิเสธข้อเสนอในนาทีสุดท้าย ลูกค้าที่เปลี่ยนความต้องการกะทันหัน หรือการเจรจาต่อรองเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร Recruiterจึงต้องใช้สติในการจัดการความต้องการของทั้งสองฝ่าย และหาวิธีให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันให้ได้

การวิเคราะห์และประเมินข้อมูลผู้สมัครอย่างละเอียด รวมถึงการเข้าใจตลาดแรงงานทั้งหมด ล้วนต้องใช้สติในการตัดสินใจให้ดี นอกจากนี้ ความอดทนและความยืดหยุ่นยังเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ เพราะงานนี้ต้องอาศัยความสามารถในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Recruiter ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับทุกปัญหา เรียนรู้ความผิดพลาดและนำมาแก้ไข

3. บทเรียนที่ “ไม่มีใครบอกก่อน”

แน่นอนว่าไม่มีใครบอกคุณตั้งแต่แรกว่าเบื้องหลังความสำเร็จของการปิดตำแหน่งงานนั้นๆ ว่าต้องใช้ความพยายาม มากแค่ไหน งานนี้ไม่ใช่แค่งาน “ขาย” ทั่วไป แต่คือการเป็น “ที่ปรึกษา” ให้กับผู้คนและองค์กร

และจะรู้สึกได้จริงก็ต่อเมื่อเห็นผู้สมัครได้งานที่ใช่ ได้เห็นพวกเขาก้าวหน้าในอาชีพ และได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้น นั่นคือความรู้สึกภาคภูมิใจที่แท้จริง การทำงานในสายอาชีพนี้ยังช่วยพัฒนาตนเองได้มาก ทั้งทักษะการสื่อสาร การเจรจาต่อรอง และที่สำคัญที่สุดคือทักษะการแก้ปัญหาที่จะติดตัวไปตลอด

เพราะฉะนั้น งาน Recruitment Consultant ไม่ใช่แค่การจับคู่คนกับงาน แต่มันคืองานที่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจอย่างมาก และการมีสติอย่างมากเพื่อก้าวผ่านทุกอุปสรรค เป็นอาชีพที่มอบคุณค่าให้กับทั้งผู้คนและองค์กร และเป็นบทเรียนชีวิตที่ไม่มีใครบอกคุณได้จนกว่าคุณจะได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง

คุณเคยมีประสบการณ์ในสายงานนี้ หรือมีเรื่องราวที่อยากแบ่งปันเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้ทั้งใจและสติบ้างไหมคะ?