fbpx
26ก.ย.

            หลังจากผ่านโควิดมาเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้แล้วว่างานประจำที่ว่ามั่นคง แต่กลับกลายว่าไม่มั่นคงอีกต่อไป หลายๆคนเลือกที่จะหารายได้เสริมผ่านงานอดิเรก หรือผ่านการทำธุรกิจ เมื่อมีรายได้ผ่านช่องทางเหล่านี้จำนวนมากกว่างานประจำ เชื่อว่าหลายคนจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะลาออกมาทำธุรกิจดีไหม เลยอยากให้ลองเช็คตัวเองว่าพร้อมที่จะออกมาทำธุรกิจหรือไม่

            1.เมื่อทุกอย่างพร้อมควรเลือกโฟกัสทีละอย่าง ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องโฟกัสทีละอย่าง เพราะการที่เราต้องทุ่มเทอย่างใดอย่างหนึ่งมักจะดีกว่าทำหลายๆอย่างพร้อมกัน และต้องรู้เหตุผลและวัตถุประสงค์ที่ทำอยู่ เช่น เราทำงานประจำ นั่นหมายความว่าเราต้องการความมั่นคง แต่ความมั่งคั่งอาจจะน้อย ไม่ต้องเสี่ยงกับอะไรมาก โฟกัสตามงานที่เราได้รับมอบหมายและทำให้สำเร็จ แต่กลับกัน ถ้าเรามาโฟกัสการทำธุรกิจ ผมเชื่อว่าคงเริ่มจากงานอดิเรกก่อน พอรายได้มากกว่างานประจำ เมื่อไหร่เราก็จะเริ่มฝันที่จะทำธุรกิจ แล้วตรงนี้แหละคือจุดที่เราจะต้องตัดสินใจว่าเราจะโฟกัสอะไรดีไม่ควรทำสองอย่างพร้อมกันไม่งั้นจะพังทั้งคู่

            2.แยกว่างานอดิเรกหรือธุรกิจ จุดเริ่มต้นหลายๆคนจะเริ่มต้นจากงานอดิเรกแล้วจึงกลายเป็นธุรกิจ แต่ถ้าเราทำตามความฝันแต่มีรายได้ที่ไม่มากพอ แบบนั้นจะเรียกว่างานอดิเรก  แต่งานอดิเรกมีโอกาสขยายตัว มีเทรน มีรายได้ มีความต้องการแบบนั้นคือโอกาสทางธุรกิจ และต่อยอดธุรกิจไปจากระดับเล็ก ไประดับกลาง จนไปสู่ระดับใหญ่ นั้นแหละคือเป้าหมาย และผมจะบอกว่าเมื่อเราทำไปซักพักแล้ว มันไม่ใช่ก็อย่าฝืน ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการดันทุรัง ในบางครั้งการหยุดก็เป็นการตัดสินใจที่ดี

            3. Mindset  การทำธุรกิจไม่ใช่ที่ทุกคนใครๆก็จะทำได้ ต้องมีการปรับความคิดที่พร้อมจะกล้าลุยกล้าออกไปเสี่ยงในพื้นที่ ที่เราไม่รู้จัก เพราะการทำธุรกิจมักจะมีปัญหาอยู่เสมอ ไม่ปัญหาเล็กก็ปัญหาใหญ่ที่เราจะต้องแก้ไขตลอดเวลา ถ้าคุณไม่ชอบความเสี่ยง คุณอาจจะเหมาะกับงานประจำ งานประจำก็มีข้อดีคุณก็สามารถหาเงินหลักล้านได้ก่อนอายุ 60 ได้แน่นอนแต่ก็ต้องใช้เวลาในการปรับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง หรือระบบกองทุนต่างๆ ที่แต่ละบริษัทได้มีสวัสดิการที่ตอบโจทย์ให้มีความมั่งคั่งได้ แต่ถ้าคุณพร้อมที่จะลุย ที่จะเสี่ยง พร้อมที่จะล้มเหลวนั้นแหละคือสัญญานหนึ่งที่บอกตัวคุณว่าพร้อมที่จะทำธุรกิจ