fbpx
16ก.พ.

Gap Year ช่วงเวลาตามหาตัวตน ก่อนเข้าสู่วัยทำงาน

Gap year” คืออะไร ??

“Gap year” เป็นช่วงเวลาว่างที่ผู้เรียนหรือบุคคลที่สนใจ หยุดการศึกษาต่อหรือหยุดทำงาน ในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเวลาประมาณหนึ่งปี กิจกรรมในช่วง gap year มักจะเป็นการท่องเที่ยว, ทำงานอาสาสมัคร, เข้าร่วมโครงการอาสาสมัคร, ศึกษาต่อที่ต่างประเทศ, หรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างทักษะหรือความชำนาญในด้านต่าง ๆ ซึ่งหลังจากจบกิจกรรม gap year ก็สามารถกลับมาทำงานหรือศึกษาต่อตามปกติได้ตามที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ โดย gap year มักจะเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าทางการเรียนรู้และการเติบโตของบุคคลในช่วงวัยหนุ่มสาวช่วงที่เตรียมตัวเข้าสู่วัยการเป็นผู้ใหญ่ การทำ gap year ช่วยให้มีโอกาสได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ และพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้

ทำไมคนยุคเก่าๆไม่เข้าใจ ??

การทำ Gap year อาจเป็นเรื่องที่คนยุคเก่าไม่เข้าใจ เพราะในอดีตมีแนวคิดที่เป็นขั้นตอนเกี่ยวกับการศึกษาและการทำงาน เพราะคนสมัยก่อนเห็นว่าการทำงานหรือศึกษาต่อเป็นที่สำคัญมาก และการหยุดพักไปใช้เวลาหนึ่งปีเพื่อทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการศึกษาหรือการทำงานอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลหรือเสียเวลา อีกทั้ง มีแนวคิดในสังคมว่าเมื่อเรียนจบควรรีบทำงาน หรือศึกษาต่อเพื่อมีประสิทธิภาพในชีวิตและอนาคต

ในช่วงหลังนี้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Gap year เริ่มมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการเข้าใจว่าการทำกิจกรรมในช่วงนี้สามารถเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสามารถเตรียมตนสำหรับอนาคต และการพัฒนาทักษะส่วนตัวที่สำคัญได้ ดังนั้น การทำ Gap year ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียเวลา และมีคุณค่าในระหว่างการเติบโตและพัฒนาตนเองในช่วงวัยหนุ่มสาว

7 กิจกรรมที่ที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการทำ Gap year

1. การทำงานอิสระหรือฝึกงาน ที่เกี่ยวข้องกับสาขาการเรียน เพื่อเพิ่มประสบการณ์และทักษะทางวิชาชีพ

2. การเรียนรู้ทักษะใหม่ เข้าร่วมคอร์สเรียนออนไลน์, อ่านหนังสือ, หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ใช้เวลาเพื่อพัฒนาทักษะส่วนตัว เช่น การสื่อสาร, การนำเสนอ, หรือการจัดการเวลา เพื่อช่วยเพิ่มทักษะและความรู้ใหม่ ๆ

3. การทำงานอาสาสมัคร เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหรือโครงการที่ช่วยเสริมสร้างชุมชนและสังคม

4. การเดินทาง เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวหรือประสบกิจกรรมใหม่ พบเพื่อนใหม่ระหว่างการเดินทาง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

5. การศึกษาต่อ พิจารณาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท หรือระดับความรู้เฉพาะทาง

6. การทำงานอิสระ การทำธุรกิจส่วนตัว เพื่อสร้างรายได้และประสบการณ์ทางด้านธุรกิจ

7. การพักผ่อนและสร้างสุขภาพ ให้เวลาสำหรับการพักผ่อนและดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

ช่วงว่างหลังเรียนจบเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาตนเองและทำกิจกรรมที่สนใจ การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเสริมเติมเต็มประสบการณ์ และพัฒนาทักษะความรู้ของคุณ

4 ข้อดีของการทำ Gap year

การทำ Gap year มีข้อดีหลายอย่างที่สามารถนำมาเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง และสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อชีวิตในอนาคต ดังนี้

1. การเรียนรู้และพัฒนาทักษะ คุณจะมีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ เช่น ศึกษาต่อในวิชาที่สนใจ, ฝึกฝนทักษะการสื่อสาร, หรือการเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาปกติ

2. การเสริมสร้างประสบการณ์ กิจกรรมที่ทำในช่วง Gap year อาจเป็นการท่องเที่ยว, ทำงานอาสาสมัคร, หรือทำงาน part-time ซึ่งทั้งหมดจะเสริมสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้ในชีวิตจริง

3. การสร้าง Connection ในช่วง Gap year คุณจะได้มีโอกาสไปสัมผัสกับคนใหม่ ๆ และสร้าง Connection ที่สามารถเป็นประโยชน์ในอนาคต ซึ่ง Connection นี้อาจช่วยในการหางานหรือการศึกษาต่อในอนาคต

4. การพัฒนาความเป็นผู้นำ การทำ Gap year สามารถช่วยพัฒนาทักษะในการเป็นผู้นำ การเป็นคนรับผิดชอบ, และการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

ทั้งหมดนี่เป็นการเตรียมตัวสำหรับอนาคต การทำ Gap year อาจช่วยในการเตรียมตัวสำหรับชีวิตในอนาคต โดยการเรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่มีผลต่ออนาคตที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ การทำ Gap year อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาตนเองและคนที่ต้องการสร้างประสบการณ์ในชีวิต

ดังนั้น สำหรับบางคน การทำ Gap year เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และประสบการณ์ในชีวิต แต่สำหรับบางคนอาจมองว่ามันไม่เหมาะกับตนเอง ข้อสำคัญคือต้องระมัดระวังและคิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำ Gap year ว่ามันเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือไม่ การปรึกษาคำแนะนำจากครอบครัว, เพื่อน, หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่คุณสนใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น