fbpx
14มิ.ย.

ในเศรษฐกิจยุคนี้ เจ้าของธุรกิจจะเจอปัญหาคล้ายๆ กันเลยก็คือ การโดนคู่แข่งตัดราคา ทำโปรโมชั่นลดราคา จนราคาตลาดมันต่ำมากๆ และทำให้ดูว่าเราขายของแพง แต่เชื่อมั้ยว่า Warren Buffett นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก เขาเคยพูดเอาไว้ว่า การที่เราลงไปเล่นในสงครามขายของตัดราคาเท่ากับแบรนด์กำลังฆ่าตัวตาย เพราะอะไร?

เพราะว่าในทุกๆ ครั้งที่เราลดราคา คุณกำลังทำให้ลูกค้าคิดว่า ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมีค่าเท่ากับราคาส่วนลดที่เขาได้ และเมื่อไหร่ที่คุณอยากจะกลับไปขายของราคาปกติ นั่นหมายความว่าคุณจะกลายเป็นแบรนด์ที่ขายของเกินราคาทันที ลูกค้าที่เคยซื้อของกับคุณ เขาก็จะไปซื้อกับคนอื่นแทน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ หรือความต้องการตลาดลดลง สิ่งที่เราควรทำก็คือการยืนหยัดราคาเดิมเอาไว้ แล้วใช้กลยุทธ์การขายอย่างชาญฉลาดแทน วันนี้ออร์คิดจ๊อบจึงนำเทคนิคการขายของแพงที่ทำให้คนอยากซื้อมาฝากกัน ต้องโฟกัสเรื่องอะไรกันบ้าง อ่านได้ที่บทความนี่เลย

นั่นหมายความว่า ในตลาดก็ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่พร้อมจะซื้อสินค้าราคาแพงเพื่อแลกกับบริการที่ดี อย่าลืมว่าการที่เราขายของแพง เราก็จะมี Margin มากพอ ที่เอาไป Support ลูกค้าในเรื่องการบริการ ได้ดีกว่าคนที่ขายของถูก และเราต้องพยายามชูเรื่องการบริการให้เป็นจุดเด่น

ออร์คิดจ๊อบยกตัวอย่างง่ายๆแบบนี้ ทำไมเครื่องบินจะต้องมีชั้น Economy ชั้น Business หรือชั้น First Class เพราะว่ากลุ่มลูกค้าในตลาดมีทั้งกลุ่มที่เน้นราคาถูก แต่ลูกค้าบางคนก็ยังเน้นเรื่องความสะดวกสบาย จ่ายแพงหน่อย แต่ไม่ต้องนั่งเบียดกับใคร มีอาหารให้เลือกเยอะกว่า นั่งยืดขาได้ มีไวน์ให้กิน สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้ลูกค้าพร้อมที่จะจ่าย และถ้าเขารู้สึกประทับใจกับการบริการ มันจะทำให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ตามมา คือเขาจะไม่เปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นเลย เพราะเขาชอบบริการของคุณ

แต่กลับกันถ้าคุณยังไปโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เน้นเรื่องราคาถูก คุณก็อาจจะได้แต่ลูกค้าขาจรใครให้ราคาถูกกว่าเขาก็ไป เพราะฉะนั้น เราจะต้องหาให้เจอว่า แบรนด์ของเราจะสร้างจุดเด่นในการบริการเรื่องอะไร และการบริการนั้นมันตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายให้กับลูกค้าของเราอย่างไรได้บ้าง   

ซึ่งสิ่งนั้นจะต้องเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร หรือหาไม่ได้ในท้องตลาด ออร์คิดจ๊อบยกตัวอย่าง กระเป๋า Hermès ที่ครองใจสาวๆ มาแล้วทั่วโลก Story หรือจุดขาย ที่ไม่ธรรมดาของเขาก็คือ เรื่องของ “ความประณีต” เพราะกระเป๋า 1 ใบของเขาใช้เวลาในการทำต่อเนื่องถึง 6 วัน และยังใช้ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำกระเป๋าแอร์เมสแบบสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้มั่นใจว่า กระเป๋าจะมีการตัดเย็บที่ประณีต คงทน สวยงาม และไม่มีข้อบกพร่องเลย แต่ไม่หมดเพียงเท่านี้นะ

ความประณีตของเขายังรวมไปถึงการสรรหาหนังมาเป็นวัสดุของกระเป๋าด้วย เพราะกระเป๋าบางรุ่นของเขาวัสดุทำมาจากหนังจระเข้ที่เลี้ยงในบ่อหินอ่อนตามลำพัง เพื่อไม่ให้มีร่องรอยการต่อสู้บริเวณหนังส่วนท้องที่จะนำมาใช้ทำกระเป๋า เพื่อให้ลูกค้าได้กระเป๋าที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะฉะนั้น สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับมันจะไม่ใช่แค่กระเป๋าที่สวยงาม แต่เขายังได้งานฝีมือ งานศิลปะ ได้ความใส่ใจกลับไปด้วย อันนี้ก็เป็นตัวอย่างการสร้าง Story หรือการสร้างจุดขายที่แตกต่างได้ดีมากๆ

แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าเราจะหา Value อะไรก็ได้ แต่ Value อันนั้น จะต้องตอบโจทย์ Pain Point ของคนที่จะมาซื้อสินค้าของเราได้ด้วย ถ้าเรามีแค่ Value อย่างเดียว แต่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า มันก็จะไม่เกิดการซื้อเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องกลับไปมองหาจุดแข็งในสินค้าของตัวเอง เพื่อสร้าง Value ให้กับสินค้าของเรา และศึกษาความต้องการจริงๆ ของกลุ่มลูกค้า ว่าเขากำลังมองหาอะไร หรือว่าเขามี Pain Point อะไร แล้วจับมา Match กันให้ได้ สิ่งนี้แหละที่จะทำให้ลูกค้ายินดีที่จะจ่าย แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่มีราคาสูงกว่าท้องตลาดก็ตาม

👉 ลงทะเบียนสมัครงานกับเรามีตำแหน่งงานขายมากมาย