06ต.ค.

E-commerce Manager คืออะไร? บทบาท หน้าที่ และทักษะที่ต้องมี

หน้าที่ของ E-commerce Manager คือ ผู้ที่ดูแลระบบทั้งหมดของการค้าขายบนแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแต่บริษัทจะจ้าง E-commerce Manager ที่มีคุณสมบัติเด่นทางด้านใด ซึ่งอาจจะเป็น คุณสมบัติที่เด่นทางด้านซอฟต์แวร์ หรือ คุณสมบัติที่เด่นทางด้านฮาร์ดแวร์ก็ได้ ซึ่งถ้ามองในแง่ของการแข่งขันแล้ว E-commerce Manager น่าจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ทางด้านการวางแผน การกำหนดกลยุทธ์ และการดำเนินการให้แผนที่กำหนดไว้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนให้ไปสู่เป้าหมายอย่างชัดเจน

💬หน้าที่หลักของ E-commerce Manager

👉1. Company Online and Operation

เป็นผู้มีหน้าที่ในการรับผิดชอบภาพรวมของการขายออนไลน์ทั้งหมด และการดำเนินการ ทั้งหลังบ้านและหน้าบ้าน เพื่อให้การขายนั้นเป็นไปตามเป้าหมาย และประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องดูแล ตั้งแต่เริ่มการวางกลยุทธ์ ไปจนถึงการควบคุมการทำงานทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามข้อกำหนดของการทำงาน

👉2. Strategy and Digital Marketing

ทำหน้าที่ในการกำหนดกลยุทธ์ให้ชัดเจนเพื่อตอบสนองความต้องการทางการตลาดภายใต้ยุคใหม่ ที่เป็นยุคการตลาดแบบดิจิตอล เริ่มต้นตั้งแต่

  • การวิจัยความต้องการของลูกค้า
  • พฤติกรรมบริโภคของลูกค้า
  • และเทรนของสินค้าต่างๆ ในช่วงที่กำลังจะออกกลยุทธ์

เพื่อกำหนดแนวทางในการประชาสัมพันธ์ แนะนำสินค้า กำหนดราคา และกำหนดแนวทางการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทได้เลือกใช้

ซึ่งการกำหนดกลยุทธ์นั้นจะต้องใช้ทั้งข้อมูลที่เป็นทุติยภูมิ และข้อมูลที่เป็นปฐมภูมิ ที่ได้จากการเก็บข้อมูลในสถานการณ์จริงล่าสุด รวมไปถึงการออกแบบ Packaging การกำหนดราคาที่สามารถแข่งขันได้ในสถานการณ์ต่างๆ รวมไปถึง การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเป้าหมายหลักและเป้าหมายรอง

👉3. User experience

E-commerce Manager เป็นผู้ที่ต้องออกแบบ การเข้ามาใช้งานที่หน้างานของแพลตฟอร์มต่างๆ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในกลุ่มที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากผู้บริโภคมีหลายช่วงวัย เช่น วัยรุ่น, วัยกลางคน, และผู้สูงอายุ ดังนั้น ประสบการณ์ในการใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายหรือช่องทางการเข้าถึงสินค้าของบริษัทสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละคนจึงแตกต่างกัน ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ก็จะเชี่ยวชาญและสามารถเข้ามาใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างดีอย่างเข้าใจ แต่หากเป็นผู้สูงวัยอาจจะต้องเข้าถึงด้วยการประชาสัมพันธ์ในลักษณะแบบเก่าผสมกับแบบใหม่ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีประสบการณ์การใช้ช่องทางเข้าถึงสินค้าที่แตกต่างกัน ผู้จัดการฝ่าย E-commerce จึงต้องวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อออกแบบการใช้งานให้สะดวกที่สุด

👉4. Sale data analysis

วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการขาย เช่น ยอดขาย, จำนวนสินค้าที่ขายได้, อัตรากำไรของสินค้าแต่ละตัว, และสถิติของลูกค้าตามช่วงวัย, ภูมิศาสตร์, อาชีพ และเพศ รวมถึงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อสินค้าหลายอย่างควบคู่กัน การวิเคราะห์รายงานการขายนี้ช่วยให้สามารถตีความข้อมูลเพื่อนำไปกำหนดกลยุทธ์ หรือปรับแผนการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต

👉5. Online Store Design & Optimization

ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ และการจัดการด้าน Operation นั้น E-commerce Manager มีหน้าที่ ที่จะต้องออกแบบ Store ต่างๆ ให้ดูน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าเข้ามา และกำหนดพื้นที่ในการใช้งานให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ

  • Front ที่ทำหน้าที่สำหรับต้อนรับลูกค้าในการขายของ หากพื้นที่การขายมากเกินไป แต่พื้นที่เก็บ Store มีน้อยไป ก็อาจจะทำให้เก็บสินค้าที่ขายดีไม่เพียงพอ ทำให้เสียโอกาสการขาย
  • และในส่วนของสโตร์ด้านหลังที่ต้องเก็บสินค้า แต่หากกำหนดพื้นที่ Store มากเกินไป ก็จะทำให้สูญเสียพื้นที่ในการรองรับลูกค้า หากกรณี ที่มีการเข้ามาซื้อสินค้าพร้อมกัน จะทำให้ร้านค้าดูอึดอัดและไม่น่าเข้ามาใช้บริการ

ดังนั้น Store optimization คือ การกำหนดเงื่อนไขต่างๆในการออกแบบ Store ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดสมดุลระหว่างความเพียงพอในพื้นที่ของการจัดเก็บสินค้า และการใช้พื้นที่ในกิจกรรมการขายให้สมดุลจะทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าใช้จ่ายต่อตารางเมตรที่สุด

👉6. Functionality Optimization

บริหารจัดการการทำงานต่าง ๆ ในแผนก E-commerce ให้ทุกส่วนทำงานได้อย่างราบรื่นและเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงการประเมินภาระงานของฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายออกแบบซอฟต์แวร์, ฝ่ายกลยุทธ์, และฝ่ายปฏิบัติการจริง ทั้งส่วนหน้าบ้านและหลังบ้าน เพราะหากการออกแบบการทำงานไม่สมดุลอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวด เช่น ยอดขายสูงแต่ระบบหลังบ้านรองรับไม่ไหว การจะทำ Functionality optimization ให้สำเร็จได้นั้น ผู้จัดการฝ่าย E-commerce ต้องมีความเข้าใจภาพรวมของการทำงานทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

👉7. การทำงานร่วมกับแผนกอื่น

เนื่องจากผู้จัดการ E-commerce เป็นผู้ที่เป็นด่านแรกในการนำพาบริษัทเข้าสู่สายตาของลูกค้า และให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการของบริษัทในการสั่งซื้อสินค้า

การทำงานร่วมกับแผนกอื่น จึงจะต้องมีความสามารถ ในการประสานงานหรือทำงานเข้าขากันได้ดี เช่นการทำงานร่วมกับแผนกบัญชีและการเงิน เพราะ E-commerce Manager คือ ผู้ที่จะกำหนดงบประมาณในการบริหารจัดการในทุกอย่าง ตั้งแต่การวางแนวทางการขายการประชาสัมพันธ์ การลงทุนในซอฟต์แวร์ต่างๆ และหมายถึงการกำหนดกำลังคนที่จะต้องมีอยู่ในการทำงานทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง

ดังนั้น การทำงานร่วมกับฝ่ายบัญชีและการเงิน รวมไปถึงฝ่ายบุคคล ในการจัดหาบริหารบุคคลให้เพียงพอและมี Staff Turnover ต่ำสุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้การดำเนินการราบรื่นเนื่องจากคน คือ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนระบบต่างๆในทุกแผนก ซึ่งหมายถึงการลงทุนทั้งในแง่ของเวลา และค่าใช้จ่ายในการจัดหาคนเข้ามา และรักษาคนไว้ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการนำไปสู่การกำหนดงบประมาณที่ฝ่ายการเงินและบัญชี จะต้องจัดหาเงินทุนมาเพื่อรองรับการบริหารจัดการการเติบโตและการแก้ปัญหาฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ดังนั้นการทำงานร่วมกับฝ่ายต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ และเข้ากันได้ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่มี E-commerce Manager จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติข้อนี้อย่างเพรียบพร้อม

👉8. Leadership & Technical Skills

ผู้จัดการฝ่าย E-commerce ต้องมีทักษะเหล่านี้อย่างครบถ้วน แม้อาจจะไม่ลึกซึ้งได้ในทุกด้าน แต่ต้องมีพื้นฐานความเข้าใจ เพราะว่า ภาวะผู้นำ คือ สิ่งสำคัญในการนำทีมใหญ่ หรือ การแนะนำทีม ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ลูกทีมจะต้องเชื่อมั่นในตัวผู้นำ ซึ่งมาจากภาวะความเป็นผู้นำของผู้จัดการ E-commerce ซึ่งพิสูจน์ได้จากการวางแผนที่ดี การมีความเข้าใจในเทคนิคพื้นฐานทางด้าน E-commerce รวมไปถึง ความสามารถในการสื่อสารให้ถูกต้องชัดเจน หรือ รับหน้าที่ไปดำเนินงานให้เสร็จตามเป้าหมายหรือแนวทางที่กำหนดไว้

ดังนั้น ผู้จัดการ E-commerce จึงต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่ในตัวคนเดียวกัน เพื่อทำหน้าที่เสมือนแม่ทัพใหญ่ ที่จะนำทีมออกไปรบกับคู่แข่งข้างนอก โดยที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในการนำทัพของผู้จัดการ E-commerce

💬สรุปหน้าที่และทักษะสำคัญของ E-commerce Manager

  • ดูแลระบบการขายออนไลน์ทั้งหมด
    ทั้งด้านกลยุทธ์ (หน้าบ้าน) และการปฏิบัติการ (หลังบ้าน)
  • กำหนดกลยุทธ์และการตลาดดิจิทัล
    • วิจัยความต้องการลูกค้าและพฤติกรรมผู้บริโภค
    • วางแผนราคา โปรโมชั่น และการสื่อสารออนไลน์
  • ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX)
    • ทำให้ลูกค้าทุกกลุ่มอายุใช้งานได้ง่าย
    • ผสมผสานช่องทางเก่าและใหม่เพื่อเข้าถึงลูกค้าหลากหลาย
  • วิเคราะห์ข้อมูลการขาย (Sale Data Analysis)
    • ติดตามยอดขาย กำไร และพฤติกรรมการซื้อ
    • หาโอกาสปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
  • ออกแบบและปรับปรุงร้านค้าออนไลน์ (Store Design & Optimization)
    • ทำให้ร้านดึงดูดลูกค้า
    • บริหารพื้นที่ขายและพื้นที่เก็บสินค้าอย่างสมดุล
  • ปรับปรุงการทำงานของระบบ (Functionality Optimization)
    • เชื่อมโยงงานทุกฝ่ายอย่างราบรื่น
    • ลดปัญหาคอขวดและความล่าช้าในการจัดส่ง
  • การทำงานร่วมกับแผนกอื่น
    • ประสานงานกับฝ่ายบัญชี การเงิน และ HR
    • วางงบประมาณและดูแลบุคลากรให้เพียงพอ
  • ภาวะผู้นำและทักษะเสริม (Leadership & Skills)
    • ภาวะผู้นำในการนำทีมสู่ความสำเร็จ
    • ความเข้าใจด้านเทคนิคพื้นฐาน E-commerce
    • ทักษะการสื่อสารที่ชัดเจนและแม่นยำ