fbpx
29ก.ค.

สำหรับตำแหน่งงานเกี่ยวกับเรื่อง การขายระวางหรือค่าขนส่ง ทั้งทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. ทางเรือ ที่เรียกว่า Sea freight 

2. ทางอากาศ ที่เรียกว่า Air freight

ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆ กันแต่อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่างกันบ้างในการคำนวณค่าใช้จ่ายของทั้ง 2 แบบ เรามาลองดูว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้างที่เกี่ยวกับงานด้านนี้

1. Sea freight ขนส่งทางเรือ เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งทางเรือ ซึ่งจะมีเทอมที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น Ex-work ซึ่งจะพัฒนาไปเป็น FOB เมื่อมีการขนส่งจากหน้าประตูโรงงานไปถึงท่าเรือ และจะพัฒนาไปเป็น C&F เมื่อรวมค่า Freight ไปด้วยแล้ว และเมื่อมี ค่าประกันภัย Insurance เข้ามาเพิ่มเติม ก็จะกลายเป็นค่า CIF ซึ่งค่าขนส่งทางเรือนี้ จะมีลักษณะย่อย ๆ อยู่ 2 ลักษณะ คือ 1 เต็มตู้คอนเทนเนอร์ FCL กับ 2 ไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ LCL ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ อัตราการค่าใช้จ่ายที่ตกลงของบริษัทที่รับดูแลเรื่องการขนส่ง กับผู้ซื้อบริการ

ส่วนประกอบอื่นๆ ที่จะเกี่ยวข้องอีก ก็จะมีค่า DO ค่า THC  ค่า CFS ค่า Status Container ค่า CY ค่า Custom Formality and Inspection ค่า Truck  ค่า Import Duty ค่า Exchange Rate และ Contingency

2. Air Freight เป็นการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง แต่รวดเร็วกว่า เทียบกับ การขนส่งทางเรือซึ่งต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ ในขณะที่การขนส่งทางอากาศ Air Freightใช้เวลาเพียง 2-3 วัน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางอากาศ ส่วนใหญ่จะคิดกันเป็น น้ำหนัก มากกว่าคิดกันเป็นปริมาตร (เหมือนกรณีของค่าใช้จ่ายทางเรือ)

เริ่มต้นจาก FOB พัฒนาไปเป็น  C&F และเมื่อมีค่าประกันภัย Insurance เข้ามาก็จะกลายเป็น CIF  นอกเหนือจากค่าขนส่งทางอากาศ ก็จะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น ค่า DO ค่า CC Fee  ค่า Fuel Charge ค่า CAF ค่า WRS ค่า Insurance ค่า Custom Formality and Inspection ค่า Import Duty ค่า Truck ค่า Exchange Rate ค่า Contingency 

หน้าที่ของเซลล์

คือ มีหน้าที่ไปติดต่อลูกค้าบริษัทต่างๆ ที่มีการนำสินค้าเข้า หรือส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ ซึ่งลักษณะงานก็จะมีขอบเขตที่แตกต่างกัน บางบริษัทอาจจะมีการขายแค่ค่า Freight อย่างเดียว แต่บางบริษัทอาจจะมีการรับทำขั้นตอนของการทำ Shipping ด้วย เพื่อทำการเคลียร์ของออกจากท่าเรือและส่งไปถึงปลายทางลูกค้าได้ครบวงจรในที่สุด

ลักษณะงานนี้ จะต้องมีความรอบรู้เกี่ยวกับค่าระวางต่างๆ และปลายทางแต่ละประเทศที่จะนำสินค้าเข้า หรือส่งสินค้าออกไป ต้องมีความชำนาญในเรื่องของการติดต่อกับสายเรือ และต้องมีความสามารถในการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อให้ขบวนการดำเนินการด้านเอกสารทุกอย่างถูกต้อง และเป็นไปตามตารางเวลาที่กำหนด เนื่องจากลักษณะงานของ Shipping หรือการขนส่งสินค้าเข้าออกนอกประเทศ จะเป็นงานที่วุ่นวายทั้งวัน ต้องทำงานตื่นตัวตลอดเวลาและต้องทำให้ทันเวลา เพราะพื้นที่ในการนำสินค้าเข้าและออกที่ท่าเรือ มีพื้นที่ในการรอคอยที่จำกัด ไม่สามารถจะทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ค้างอยู่ในท่าเรือได้นานเกินไป เพราะจะทำให้สินค้าที่กำลังส่งเข้ามา หรือกำลังจะต้องรอส่งออกไปนั้น เกิดการติดขัด เกิดคอขวดขึ้นมา และทำให้การส่งสินค้าไปปลายทาง หรือการนำสินค้าเข้ามาเพื่อจะนำส่งให้ลูกค้าเกิดความล่าช้า ทำให้เกิดความเสียหายทั้งในแง่ของ ค่าปรับ และความเสียหายจากการขายสินค้าของลูกค้าไม่มันเวลาด้วย

คนที่จะเหมาะกับลักษณะงานนี้

จะต้องเป็นคนที่มีความว่องไวรวดเร็ว มีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี และต้องมีความอดทนในการติดต่อกับลูกค้า เนื่องจาก ลูกค้ามักจะมีปัญหาเรื่องของตารางเวลาที่ไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาที่เราจะต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์ หรือไปรับสินค้าเพื่อมาเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ส่งสินค้าออกหรือนำสินค้าเข้ามาให้ทันเวลาตารางการเดินเรือซึ่งไม่สามารถรอได้ นั่นหมายความว่า หากกำหนดเวลาที่จะต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์ ที่โรงงานของลูกค้าคลาดเคลื่อน จะไม่สามารถลงเรือในเที่ยวที่จองไว้ได้ทัน ก็จะเกิดปัญหาทันทีว่า เที่ยวเรือต่อไปจะมีที่ว่างหรือไม่ แล้วเรือเที่ยวต่อไปจะมีตารางเวลาอีกเมื่อไหร่ เพราะลักษณะงานแบบนี้ เขาจะมีการจองคิวเรือคิ วรถ และจองคิวในการดำเนินการ และเอกสารภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ทัน นั่นหมายถึง อาจจะต้องไปเที่ยวเรือเที่ยวถัดไป แต่หากเที่ยวเรือเที่ยวต่อไป ไม่มีที่ว่างเพียงพอ นั่นหมายความว่า จะต้องรอไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอเที่ยวเรือที่ว่างและนำสินค้าขึ้นไปได้ หรือบางครั้ง อาจจะต้องเปลี่ยนสายการเดินเรือใหม่ เริ่มดำเนินเอกสารใหม่ทั้งหมด เพราะสายการเดินเรือแต่ละสาย อาจจะมีเรื่องของเอกสารที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะวุ่นวาย และต้องการความรวดเร็วถูกต้องแม่นยำทันเวลา และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลา

คนที่เหมาะกับงานนี้จะต้องเป็นคน มีความอดทน มีทักษะการเจรจาต่อรองที่ดีเป็นเลิศ มีทักษะการประสานงานที่ดี สามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้อย่างดี ตั้งแต่ลูกค้าซึ่งบางครั้งก็จะมีลักษณะเอาแต่ใจตัวเอง ไม่สามารถทำงานเสร็จทันเวลา แต่ก็จะบังคับให้ทางบริษัทขนส่ง ส่งสินค้าให้ได้ตามตารางเวลาเดิม โดยลูกค้าอาจจะไม่เข้าใจถึงลักษณะเนื้องานที่ซับซ้อน และมีเรื่องของตารางเวลา และคิวที่ชัดเจน ไม่สามารถแทรกได้ หรือปรับเปลี่ยนได้ตามอำเภอใจ

ดังนั้น คนที่ทำงานตรงนี้จึงต้องเป็นคนที่แม่นยำ เรื่องของขั้นตอนการทำงาน และติดตามงานตลอดเวลาโดยไม่ให้งานหลุดจากคิวที่กำหนดไว้ ทั้งหมดจึงเป็นงานที่มีลักษณะกดดันและมีเวลาที่ไม่แน่นอน หากเกิดกรณีมีปัญหายุ่งยาก ไม่เป็นไปตามกำหนดเวลา จะต้องพร้อมที่จะเข้าไปจัดการแก้ปัญหาไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน หรือเวลาใดก็ตามเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลา

คนที่ทำงานด้านนี้ ยังจะต้องแม่นยำเรื่องของเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องรหัสของการกำหนดลักษณะของสินค้า HS Code ว่าตรงตามกับโค้ดใดในตารางภาษีศุลกากร เพื่อให้การจ่ายภาษีนำเข้าถูกต้องตามหมวดของสินค้านั้นๆ ไม่เกิดความผิดพลาดในการสำแดงเอกสารและชำระภาษีได้อย่างถูกต้อง ก่อนที่จะนำสินค้าออกจากท่าเรือไปส่งให้กับลูกค้า เพราะหากเกิดความผิดพลาดในเรื่องของการสำแดงหรือใส่รหัส HS Code ผิดในเอกสาร เจ้าหน้าที่อาจจะไม่ยอมให้นำสินค้าออกจากท่าเรือไปได้ จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาหรือชำระให้ถูกต้องตามรหัสสินค้าที่ทางศุลกากรพิจารณาว่า เป็นรหัส HS Code ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง นั่นหมายถึง จะทำให้มีค่าจ่ายเพิ่มขึ้น อาจจะมีการถูกปรับ หรือถูกอายัดสินค้าได้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการที่จะต้องดำเนินการเคลียร์กับทางศุลกากรเพื่อให้ทุกอย่างถูกต้อง

สำหรับอนาคตของคนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งนี้ ส่วนใหญ่ ถ้ามีความสามารถและมี Connection ที่เพียงพอ รู้ช่องทางการดำเนินกิจการอย่างดี ก็มีโอกาสที่จะไปเปิดบริษัทของตัวเองทำหน้าที่เป็น บริษัทขนส่งสินค้า หรือทำหน้าที่เป็นบริษัทที่รับประสานงานจัดการเอกสารต่างๆให้กับทางลูกค้า ซึ่งถือว่า เป็นความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่มีอนาคตที่ดีเมื่อมีประสบการณ์เพียงพอ เพื่อออกไปเปิดกิจการของตัวเองในที่สุด

ค่าตอบแทน

ของลักษณะงานแบบนี้ จะมีลักษณะ ก็คือ เป็นเงินเดือนประจำ และอาจจะเป็นเรื่องค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากยอดขายที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านทางเรือหรืออากาศ ซึ่งอัตราค่าคอมมิชชั่นคงขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทว่า เขาจะจ่ายเงินอย่างไรเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย หรือจ่ายเป็นขั้นบันไดของการทำยอดได้ในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งตรงนี้ไม่มีกติกาตายตัว ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อตกลงหรือระเบียบบริษัทนั้นๆ ที่จะว่าจ้างเราเข้าไปทำงาน

กล่าวโดยสรุป ก็คือ งานลักษณะนี้ จะเป็นงานที่ค่อนข้างจะมีการแข่งขันสูง เพราะเรื่องที่บริษัททำเกี่ยวกับ Shipping หรือ Forwarder นั้น มีอยู่มากมายแข่งขันกันสูง ยังไม่รวมถึง เรื่องของ Connection ที่จะสามารถติดต่อสายเดินเรือต่างๆ ได้ เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ดีกว่า หรือแม้กระทั่ง Connection ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจองคิวเรือ หรือความสามารถในการหาสายเรือทดแทนได้ในกรณีที่สายเรือประจำถูกจองเต็มแล้ว โดยที่ทางเราจองสายเรือไม่ทัน จึงเป็นงานที่จะต้องการคนที่สามารถรับความท้าทายในการแก้ปัญหาและสามารถสร้าง Connection ได้ดี ไม่ว่าจะกับสายเดินเรือบริษัทขนส่งต่างๆ ทั้งทางเรือ ทางอากาศ หรือแม้แต่ Connection ที่ดีกับทางเจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อให้การดำเนินงานามตขั้นตอนในพิธีการต่างๆ นั้น เป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามระเบียบของศุลกากร เนื่องจากความผิดพลาดในเรื่องของเอกสาร หรือรหัสสินค้าHS Code ที่ต้องเสียภาษีนั้น หากไม่ถูกต้องแล้ว การแก้ไขเอกสารจะเป็นเรื่องยากมาก เพราะมันจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหลายคนที่เกี่ยวข้องในเอกสารฉบับนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจที่ต้องเซ็นเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ในการดำเนินการเกี่ยวกับภาษีและการนำสินค้าออกจากท่าเรือ และต้องแก้เอกสารใหม่ ซึ่งทำให้เสียเวลา และเมื่อสินค้าติดค้าง ท่าเรือก็จะมีค่าปรับหรือค่าเช่าพื้นที่ในการพักของคอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ ก่อนที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นในที่สุด

👉ฝากประวัติกับออร์คิดจ๊อบ

👉บริการสรรหาพนักงาน