อยากทำงาน Telesales ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
Telesales คือ การขายสินค้าที่มุ่งเน้นไปทางการขายทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการขายโดยผ่านการอธิบาย ที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสได้เห็นสินค้า หรือได้เห็นหน้าผู้ที่สนทนาด้วยกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญของการขายทาง Telesales ก็คือ การให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าและประโยชน์ของสินค้ากับลูกค้า ผ่านการอธิบาย ผ่านบุคลิกของเสียง ในช่วงเวลาที่จำกัด เพื่อให้ลูกค้าเปิดใจรับฟัง และสอบถามเพิ่มเติม อันนำไปสู่โอกาสการขายในที่สุด
📢ลักษณะของการขาย Telesales คือ
1. สินค้า/บริการไม่ซับซ้อน
การขายเป็นสินค้าที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก ไม่ต้องอธิบายทางด้านเทคนิคมากมาย สามารถมองเห็นภาพ และเข้าใจได้ด้วยการอธิบายในระยะเวลาอันสั้น เช่น การขายประกันรถยนต์ หรือการขายบริการต่างๆ ที่ลูกค้าสามารถเข้าใจได้ในทันที
2. สินค้า/บริการตัดสินใจซื้อได้ง่าย
เป็นสินค้าที่ตัดสินใจได้ง่าย เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้ในระยะเวลาอันสั้นว่า คุ้มค่าหรือไม่ที่จะลงทุนซื้อสินค้าที่ขายผ่านทางด้าน Telesales แต่ไม่ได้หมายความว่า ราคาสินค้าจะต้องเป็นราคาสินค้าที่ต่ำเสมอไป บางครั้งราคาสินค้าที่สูง ก็สามารถจะขายผ่านทาง Telesales ได้ หากลูกค้ามีความคุ้นเคยกับสินค้าอันนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เราเป็นแบรนด์ใหม่ที่เข้าไปแนะนำในสิ่งที่ลูกค้าคุ้นเคยและใช้งานอยู่แล้ว ก็อาจจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ แม้จะเป็นสินค้าที่มีราคาแพง
3. การขายต้องใช้เวลาอธิบายสั้นที่สุด
การขายทางด้าน Telesales ต้องใช้เวลาในการอธิบายสั้นที่สุด และกระชับที่สุด เพื่อทำให้ลูกค้าเปิดใจ และสอบถามต่อไปหลังจากที่ได้รับฟังคำอธิบายแนะนำสินค้าในเบื้องต้นเสร็จแล้ว ทั้งนี้การขายผ่าน Telesales ที่ดี คือการอธิบายให้ลูกรับฟังใน 1 นาทีแรก เพื่อให้ลูกค้าเปิดใจในสินค้านั้น และพร้อมที่จะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ถ้าหากภายใน 1 นาทีแรก ไม่สามารถทำให้ลูกค้าเปิดใจได้ ลูกค้าก็จะไม่สอบถามสินค้าเพิ่มเติมหรือตัดบทไม่คุยต่อไป
4. ควรนำเสนอภายใน 1 นาที
การนำเสนอภายใน 1 นาทีแรกของ Telesales นั้นจะต้องประกอบไปด้วย คำทุกคำที่พูดออกไปต้องมีความหมาย และมีคุณค่า เพราะเรามีเวลาแค่ 1 นาที การพูดหรือนำเสนอใดๆ ก็ตาม ที่ไม่เข้าเป้า จะทำให้เกิดการสูญเสียเวลา และสูญเสียแรงดึงดูดในใจของลูกค้าที่ จะเปิดโอกาสให้เราได้คุยต่อในนาทีที่ 2 ดังนั้น สิ่งที่ต้องพูดถึงในนาทีแรก จะต้องประกอบไปด้วย สิ่งสำคัญดังต่อไปนี้
4.1 เราเป็นใครต้องแนะนำตัวให้ชัดเจนใน 5 วินาทีแรกว่า เราเป็นใครมีตัวตนอย่างไร มีความน่าเชื่อถืออย่างไร
4.2 เราขายสินค้าอะไรสิ่งนี้ ต้องให้ชัดเจนในลำดับถัดไป เพราะลูกค้าต้องการรู้ว่าใน 1 นาที ที่เขาให้โอกาสเรา เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากสินค้าของเรา
4.3 ความคุ้มค่าที่ลูกค้าที่จะได้จากการใช้สินค้าของเรา โดยสามารถนำเสนอออกมาในเชิงเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่า มีความคุ้มค่ากี่เปอร์เซ็นต์ หรือได้รับผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนอย่างไรบ้าง ที่สามารถจับต้องได้ หากลูกค้าสนใจที่จะซื้อสินค้าของเราจริงๆ
4.4 เมื่อเรานำเสนอครบแล้ว 1 นาที เราต้องหยุดนิ่ง เพื่อให้ลูกค้าตั้งคำถามกลับมาว่า ลูกค้าสนใจหรือไม่สนใจอย่างไร เพราะนี่คือ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราไปต่อได้หรือไม่ เพราะถ้าหากลูกค้าไม่สนใจแล้วเรายังพูดต่อ จะยิ่งสร้างความรำคาญหรืออึดอัดใจให้กับลูกค้าได้ ดังนั้น สิ่งที่ควรทำ ก็คือ การหยุดนิ่ง แล้วสอบถามลูกค้าว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง หากลูกค้าบอกว่า ยังไม่พร้อม เราก็หยุดการนำเสนอไปก่อน อย่าเซ้าซี้ เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกลบกับสินค้าของเราทันที แต่ในทางกลับกัน หากลูกค้าสนใจสินค้าของเรา ลูกค้าก็จะเริ่มตั้งคำถามกลับมาว่า มีความสนใจในเรื่องใดบ้าง หรือรู้สึกติดขัดในเรื่องใดบ้าง นั่นหมายถึง สัญญาณการเปิดการขายอย่างเป็นทางการได้เริ่มขึ้นแล้ว เราก็มีหน้าที่อธิบายสิ่งต่างๆ ให้ตรงกับคำถามลูกค้ามากที่สุด อย่าลืมว่าเรากำลังขายของของ Telesales คือการพูดคุยเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นหน้ากันได้ ไม่สามารถมองตาได้ สิ่งเดียวที่เราจะจับความรู้สึกลูกค้าได้ ก็คือ น้ำเสียงของลูกค้าว่าลูกค้าสนใจจริง หรือสอบถามเล่นๆไปอย่างนั้น
5. ควรพูดให้กระชับ
การขายของทาง Telesales นั้น อย่างที่บอกไปแล้วว่า มันคือ การขายผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุด ก็คือ การนำเสนอลูกค้าจะต้องเป็นการนำเสนอที่กระชับที่สุด ความเร็ว หรือ speed ในการพูดต้องเป็นสิ่งสำคัญ แม้เราจะมีเวลาแค่ 1 นาที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องรีบพูดจนลูกค้าฟังไม่ทัน หรือฟังไม่เข้าใจ สปีดในการพูดจะต้องมีความพอดีใน 1 นาที แต่ได้เนื้อหาสาระที่ครบถ้วนที่ควรจะเป็น และน้ำเสียงต้องไม่เบาเกินไป ไม่ดังเกินไปและเป็นทั้งเสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวลไม่ใช่น้ำเสียงที่เน้นการขาย หรือที่เรียกว่า Hard Sales ผ่านน้ำเสียง แต่ต้องเป็นน้ำเสียงที่สุภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีการวางแผนทุกๆตัวอักษรที่จะพูดใน 1 นาทีนั้น จะต้องมีการจัดเตรียม กลั่นกรองและท่องจำอย่างขึ้นใจ และซ้อมอยู่เป็นประจำให้ทุกอย่างที่เราจะพูด สามรถพูดจบภายได้ภายใน 1 นาที ด้วยความเร็วที่เหมาะสมและโทนเสียงที่นุ่มนวล สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าขาดการวางแผนและฝึกซ้อมอย่างจริงจัง
6. ซ้อมการพูด
เมื่อได้บทสคริปที่จะอธิบายลูกค้าชัดเจนแล้ว มีเวลาชัดเจนแล้วว่า 1 นาที จาก 2 สิ่งนี้ เรายังไม่สามารถจะเช็ค Feedback ได้ เราจึงจะต้องนำสคริปไปซ้อมให้กับเพื่อนๆเราฟัง
สมมุติ ให้เพื่อนรับโทรศัพท์ เราก็เริ่มจับเวลาในการพูดทันที และพูดทุกอย่างตามสคริปที่ถูกกำหนดและกลั่นกรองมาอย่างดีแล้วให้จบภายใน 1 นาทีพอดี ด้วยโทนน้ำเสียงที่นุ่มนวล และความเร็วที่ฟังแล้วรู้สึกสบาย ไม่เร็วเกินไปและไม่ช้าเกินไป เมื่อเราฝึกทำอย่างนี้จริงๆ แล้ว เราอาจจะพบว่า มีข้อบกพร่องบางอย่างในเนื้อหาสคลิปที่เราเขียน นั่นหมายถึง อาจจะเป็นสคริปยาวเกินไป จนทำให้ไม่สามารถพูดจบได้ใน 1 นาที และบังคับให้เราต้องพูดเร็วขึ้น หรือ สคริป ที่สั้นเกินไป จนทำให้การสนทนาน้อยกว่า 30 วินาที หรืออาจทำให้เราต้องพูดช้าเกินไปเพื่อจะดึงเวลาให้ได้ 1 นาที
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างจะต้องเป็น 1 นาทีตามที่บอกเท่านั้น คำว่า 1 นาทีที่ให้มานี้ เป็นเพียงการกำหนดกรอบเวลา เพื่อจะไปควบคุมเนื้อหากับความเร็วที่ใช้ในการสนทนาให้สมดุลเหมาะสมเท่านั้น อาจจะเป็น 40 วินาที 50 วินาทีหรือ 30 วินาที อันนี้ก็ต้องไปพิจารณาเป็นรายกรณีไป ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าว่า เรากำลังจะนำเสนอสินค้าอะไร ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการอธิบายยาวนานถึง 1 นาทีก็เป็นไปได้
7. การติดตามลูกค้าที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ
เมื่อการนำเสนอได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หากลูกค้ามีความสนใจ ก็สามารถพูดคุยต่อได้เลย แต่หากลูกค้าไม่มีความสนใจ หรือยังไม่พร้อมที่จะใช้สินค้าในวันนี้ ก็แจ้งลูกค้าว่า ขออนุญาตติดต่อกลับมาใหม่ภายในวันที่เท่าไหร่ ลูกค้าจะสะดวกไหม หรือหากลูกค้ายืนยันว่าไม่ได้สนใจจริงๆ ก็ให้ปล่อยผ่านไปเลย เพราะว่าถึงแม้จะติดต่อกลับมาใหม่ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ลูกค้าคงยังไม่ซื้อเหมือนเดิม แต่หากลูกค้ามีความสนใจ แต่เนื่องจากกำลังติดธุระอยู่ ไม่สามารถจะพูดคุยรายละเอียดได้มาก ก็ขอนัดลูกค้าที่จะติดต่อกลับมาอีกครั้งหนึ่งในเวลาที่ลูกค้าสะดวก เพื่อจะได้มีการพูดคุยอธิบายกันยาวๆ ให้เข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น จะสามารถทำให้ปิดการขายได้ในที่สุด
📢กล่าวโดยสรุปแล้วการขายสินค้าผ่าน Telesales นั้น สิ่งที่ควรทำการขายในสินค้าตัวนี้ คือ
1. สินค้าตัวนั้น เหมาะสมกับการทำ Telesales หรือไม่ เป็นสินค้าที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องการการอธิบายทางเทคนิคมากมาย
2. ต้องเตรียมพร้อมให้ดีในเรื่องของเนื้อหาสาระที่จะนำเสนอให้จบภายใน 1 นาที ทุกตัวอักษรที่พูดออกไป จะต้องมีค่ามีความหมายที่ชัดเจน
3. ควบคุมน้ำเสียงต่างๆ ให้มีความเร็วในการนำเสนอครบถ้วนตามเนื้อหาที่กำหนดไว้ภายใน 1 นาที ไม่ให้เร็วหรือช้าเกินไป ควบคุมน้ำเสียงให้อ่อนโยนนุ่มนวล ฟังสบาย ไม่มีความรู้สึกว่าเรากำลัง Hard sales จนเกินไป
4. ในระหว่างการสนทนาขายทางโทรศัพท์นั้น สิ่งเดียวที่เราสามารถจะจับสัญญาณได้ว่า ลูกค้ามีความพึงพอใจในสินค้าของเรา คือ การตั้งคำถามกลับมาของลูกค้าเป็นสัญญาณของการต้องการซื้ออย่างจริงแท้แค่ไหน
5. ควบคุมอารมณ์ของตัวเราให้ได้ อย่าให้ตื่นเต้น ต้องคุยให้เป็นมืออาชีพ หากลูกค้าไม่สนใจ อย่าเซ้าซี้ หรือกดดันลูกค้าหรือเร่งลูกค้าด้วยคำพูดที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ถ้าเขาไม่ตัดสินใจซื้อวันนี้เขาจะเป็นคนไม่ฉลาด